Thursday, March 23, 2023

NPC ตอนที่25 ติดตามผลการรักษาครั้งที่สาม

 สรุปไทม์ไลน์แพ้ยา ยังไม่รู้ว่าแพ้ตัวไหน แต่จดไว้ก่อน

  • 7 มีค เริ่มกินยา SalaGen
  • 9 มีค เริ่มกินยาจีนตัวใหม่
  • 12 มีค เริ่มคันเบา คิดว่าแพ้ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้กินยาแก้แพ้ใดๆ
  • 16 มีค มีอาการจมูกตัน หายใจไม่ออกตอนนอน ต้องนอนหมอนสูงสองชั้น
  • 18 มีค มีอาการปากบวมเจ่อ กินอาหารแสบร้อนไปหมด คิดเองว่าเป็นเพราะรังสีทำเนื้อเยื่ออักเสบ
  • 19 มีค อาการปากบวมยังอยู่ ขอบปากแห้ง มุมปากแตก
  • 20 มีค มีผื่นขึ้นเป็นตุ่มใสเต็มแขน รีบหยุดยาทุกอย่างแล้วไปหาหมอ
  • 22 มีค ผื่นตุ่มใสกลายเป็นตุ่มแดงแบน คันไปทั่วตัว หนังจมูกลอก
23 มีค
อัพเดทเรื่องแพ้ยา
  • ผื่นที่แขนเริ่มยุบเป็นรอยแดงๆ
  • ผื่นที่ขายังเป็นหนาๆ คันๆ
  • จมูกเริ่มโล่ง
  • ปากบวมเริ่มยุบ กินข้าวแล้วไม่แสบแล้ว
  • ผนังคอเริ่มกลืนง่ายขึ้น
เนื่องจากอาการเริ่มดีขึ้น ตอนเช้าเริ่มกินยาจีนเป็นแก้วแรก แล้วไปหาหมอจีนที่หัวเฉียวตอนเย็นกลับมากินยาจีนแก้วที่สอง ตอนไปหาหมอจีนอัพเดทอาการให้หมอฟัง
  • เนื่องจากหยุดยาจีนไปสามวันเริ่มมีอาการท้องผูกสามวัน ถ่ายยาก
  • นอนหลับดี
  • มีแรงพอจะวิ่งได้ดี
  • ไม่มีแผลในคอแล้ว
  • กลืนไม่สำลักแล้ว
  • ลิ้นแตกมีเลือดไหล แสบเวลากิน
  • เริ่มมีรสชาติบ้างแต่ยังเพี้ยนเช่นกินหวานได้เปรี้ยว
  • กินข้าวได้ดีขึ้น ไม่เหม็นน้ำมันเจียวแล้ว
24 มีค
ตื่นเช้ามาพร้อมกันอาการปากบวม หน้าบวม จมูกตัน คอตีบ แสบปาก ลิ้นชา เหมือนแพ้ยาอีกแล้ว รีบแชทไปหาหมอจีนบอกว่า รอบนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าแพ้ยาจีนแน่นอน ทำการตรวจใบสั่งยาย้อนหลังพบว่าวันที่ 9 มีค มีตัวยาใหม่มาสองตัวที่เพิ่มเข้ามา หมอจีนบอกว่าให้หยิบเอาออกก่อนที่จะต้ม แต่รอบนี้ให้รอจนกว่าจะหายสนิทก่อนแล้วค่อยเริ่มกินใหม่อีกที

26 มีค 
เช้านี้อาการแพ้ลดลงแล้ว ไม่คันเท่าไหร่ ปากบวมลดลง จึงตัดสินใจเข้าไปหาหมอจีนให้ช่วยจัดยาชุดใหม่ที่ไม่มียาสองตัวที่คาดว่าจะแพ้ เอามา4ห่อลองกินดูก่อนว่ายังแพ้อีกไหม

28 มีค
หลังจากกินยาที่รับมาใหม่ไป 3 รอบ เช้านี้เริ่มมีอาการคัน ปากเริ่มบวมอีกรอบ คงต้องตัดสินใจหยุดยาไปก่อนสักระยะเลย วันพฤหัสนี้จะเข้าไปพบหมอจีนอีกรอบ คราวนีอาจจะขอให้เว้นระยะเพื่อพักยาไปเลยละกัน

29 มีค
หลังจากหยุดยาทุกอย่างอาการบวมเริ่มลดลง อาการชาเริ่มหาย ลิ้นชาเริ่มดีขึ้น พบว่ากินข้าวได้รสเค็มประมาณ 50% เปรี้ยวประมาณ 10% หวานหายไปเลยเหลือ 0% (จากอาทิตย์ก่อนได้หวานประมาณ 5%)

31 มีค
หลังจากหยุดยาจีนมาสักระยะแล้ว ปากบวมน้อยลง วันนี้จะเริ่มกินยา SalaGen ใหม่ เพื่อเช็คว่าแพ้ยาตัวไหนกันแน่

3 เมย
ปากไม่บวมเพิ่มขึ้น แต่มีคันตามตัวตามแขน ไม่มีผื่นไม่มีเม็ด คาดว่าอาจจะแพ้อากาศร้อน เพราะทาคาลาไมน์แล้วหา ไม่ต้องกินยาแก้แพ้

4 เมย
อาการแพ้หายหมดแล้ว ทั่วไปเริ่มดีขึ้น เย็นนี้จะทดลองกินยาจีนชุดเล็กที่มีตัวอย่างลดความร้อนกับกระตุ้นน้ำลายดูว่ายังจะมีอาการแพ้อีกไหม

5 เมย
วันนี้สะบักสะบอมมาก เช้ามาปากบวม ลิ้นชา ลิ้นคับปากพูดไม่ชัด คอตีบกลืนน้ำลายลำบาก จมูกตันต้องนอนหมอนสูง เช้างดข้าวเพราะกลืนไม่ได้ ย้ายไปกินนมเอนชัวร์แทน เที่ยงกินข้าวต้มนิ่มๆ เย็นถึงจะเริ่มกินข้าวสวยได้นิดหน่อย แต่อาการคอตีบยังมีอยู่

6 เมย
เช้ามาเริ่มดีขึ้นแล้ว เมื่อคืนนอนได้ยาวขึ้นไม่ตื่นบ่อย ไม่ต้องหนุนหมอนสูงแล้ว แต่คอยังกลืนน้ำลายยากอยู่ สิ่งที่เพิ่มมาวันนี้คือเริ่มได้รสหวานกับขมเพิ่มมานิดหน่อยแล้ว กินหมูปิ้งได้แล้ว ไม่สากปาก มีรสชุ่มเนื้อนิดหน่อย

15 เมย
มีอาการไม่ปกติเก็นประมาณ 6-7วันแล้ว
  • เมื่อยกล้ามเนื้อแขนและหลัง
  • มึนงง เหมือนเวียนแต่ไมใช่เวียนหัวปกติ
  • มีอาการวูบ เหมือนหน้ามืด มองไม่ชัด
  • น้ำหนักลงเร็ว บางวันเหลือ 54.9กก


Thursday, March 16, 2023

NPC ตอนที่24 ติดตามผลการรักษาครั้งที่สอง

 16 มี.ค.

อาการวันนี้

  • ผนังคอเจ็บน้อยลง
  • แผลในปากเริ่มเกิดน้อยลง ไม่มีแผลใหม่ประทุขึ้นแล้ว
  • จมูกเลือดหยุดไหลแล้ว
  • ผนังปากเริ่มลดบวมลงแล้ว
  • เวลานอนมีอาการจมูกตัน นอนหมอนสูงพอช่วยได้
  • น้ำลายแห้งยังรุนแรงเช่นเดิม เวลากินข้าวคำต้องตามด้วยน้ำคำตลอด
  • ลิ้นยังไม่ได้รสชาติแต่อาการชาลดลงแล้ว
  • รอยไหม้ที่ผิวคอลอกหมดแล้ว แต่ผิวหนังยังสากๆด้านๆ
  • ใต้คางเริ่มมีน้ำเหลืองกอง ตามที่หมอบอก เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองถูกทำลาย ต้องคอยนวดไล่น้ำเหลืองทั้งวัน
  • ตอนเย็นเริ่มไปวิ่งเบาๆได้แล้ว แต่ยังเพลียๆเล็กน้อย วิ่งเร็วไม่ไหวหน้ามืด

หมอจีน
  • ชีพจรดูแข็งแรงดี ไหลเวียนดีขึ้น
  • มีอาการร้อนข้างในอยู่ จะให้ยาดับร้อนเพิ่มไป


17 มีค
  • ลิ้นเป็นฝ้าสีขาว ไม่รู้ว่าเป็นเชื้อราหรือเป็นคราบลิ้นธรรมดา

19 มีค
  • ริมฝีปากบวมเห่อตอนเช้าหลังตื่นนอน มีความรู้สึกเจ็บ หนังแห้งร่อน 
  • ตอนนอนหายใจลำบากจมูกตัน ล้างจมูกไม่หาย
  • ผิวหนังแพ้เป็นตุ่มคันตามตัว แต่ไม่ได้เป็นผื่นลมพิษเหมือนที่เคยเป็น
  • ลิ้นฝ้าขาวหายไปแล้ว
  • กินอาหารหวานได้เป็นรสเปรี้ยว กินมะพร้าวกะทิ ได้รสเปรี้ยวเหมือนมะพร้าวเสีย
  • กินข้าวผัดได้ กินข้าวหมูแดงได้แล้ว แต่ยังไม่มีรส
20 มีค
  • เป็นผื่นเหมือนแพ้ยา ปากยังบวมอยู่ คงต้องไปหาหมอละ
  • หมอบอกว่า อาการผื่นมาจากแพ้ได้หลายอย่าง แต่ถ้ามีปากบวมร่วมด้วย การแพ้ยาน่าสงสัยมากกว่า
  • หมอให้หยุดยา ที่เพิ่มเริ่มกินตัวล่าสุด นั่นคือ ยากระตุ้นน้ำลายที่เพิ่งเริ่มวันที่ 7 มีค
  • กลับไปอ่านบันทึกวันที่ 12 เริ่มมีอาการคันไปทั่วๆ น่าจะเริ่มแพ้ยาตั้งแต่วันนั้น เพียงแต่ยังไม่สะสมรุนแรงเพราะกินแค่ครึ่งเม็ด
  • ได้ยาแก้แพ้มาสองตัว ตัวนึงกิน ตัวนึงทา












21 มีค
  • อาการปากบวมเริ่มดีขึ้น บวมลดลง ไม่มีอาการตึงปาก แสบปากเท่าไหร่แล้ว แต่รอบปากยังชาๆอยู่
  • อาการผื่นคันยังเยอะเหมือนเดิม ผื่นจากตุ่มใสๆเล็กๆ การเป็นแดงๆ บานๆ
  • ผิวหนังรอบจมูกลอกเป็นขุยๆ
  • เมื่อวานผื่นมีที่แขนและขา แต่วันนี้ผื่นเริ่มลามมาที่ตัวเพิ่มขึ้น
  • พอหยุดยา SalaGen อาการปากแห้งนี่รุนแรงมาก ลิ้นด้านทั้งวัน ปากแตกแห้ง
  • จมูกไม่มีเมือกแล้ว ไม่มีเลือดไหลแล้ว







22 มีค
  • ยังคันเหมือนเดิม
  • ยังมีผื่นอยู่ แต่ดูเหมือนรอยแดงจะลดลง เหลือเป็นเม็ดบานๆ เต็มแขนไปทั่ว
  • รอบปากยังชาเหมือนเดิม
  • ลิ้นแห้งแตกเลือดออก
  • หายใจดีขึ้นไม่ติดขัดไม่ตัน นอนหลับดีขึ้น
  • รอบจมูกเป็นขุยเหมือนเดิม มุมปากแตกเป็นแผลนกกระจอก







      Tuesday, March 7, 2023

      NPC ตอนที่23 ติดตามผลการรักษาครั้งแรก

       7 มีค. มีนัดตรวจกับหมอENT

      • หมอบอกว่าจมูกยังแห้งอยู่ให้ล้างจมูกเช้าเย็นต่อไป
      • ยากระตุ้นน้ำลายให้พยายามกิน จะช่วยเรื่องน้ำลายแห้งได้ในระยะยาว ถ้ากินแล้วอาการข้างเคียงเยอะให้กินแค่ครึ่งเม็ด

      จากนั้นไปเจาะเลือดไปตรวจว่าจบคีโมแล้วร่างกายฟื้นฟูได้แค่ไหน ชั่งน้ำหนักได้ 57.6 กลับมาเท่าสองสัปดาห์ก่อน หมอคีโมใช้วิธีอ่านผลค่าเลือดทางโทรศัพท์ นัดเวลาไว้ตอนเย็นๆ

      • ค่าเลือดดี ค่าไตดี 
      • หมอบอกว่าถ้ายังกินได้แบบนี้ คงไม่ต้องใส่สายอาหารทางจมูกแล้ว
      • อย่ากินนม เกิน 40ช้อนต่อวัน ให้พยายามกินอาหารปกติให้มากขึ้น
      • ค่าเลือดจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ
      • รสชาติจะกลับมาปกติ เป็นลำดับสุดท้าย





       9 มีค. มีนัดตรวจกับหมอจีน

      • หมอจีนบอกว่าควรกินยาต่อเนื่องหลังฉายแสงครบอีก2-3เดือนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
      • ถ้าจะกินยาเพื่อป้องกันมะเร็งเกิดใหม่อาจจะต้องกินต่อเนื่อง1-2ปี

      12 มีค. อัพเดทอาการช่วงนี้

      • แผลที่ผนังคอด้านในหายหมดแล้ว
      • แผลที่ลำคอไม่เห็นแล้วแต่ยังเจ็บๆอยู่บ้าง
      • ปลายลิ้นเริ่มรับรสหวานได้นิดๆแล้ว
      • รสชาติน้ำเปล่ายังเพี้ยนเหมือนเดิม
      • จมูกยังคงมีเลือดไหลซึมๆ ล้างจมูกพ่นยาเช้าเย็นพอช่วยได้บ้าง
      • เริ่มมีอาการคันกลับมาใหม่

      Monday, March 6, 2023

      NPC ตอนที่22 บทสรุปการรักษา

      หลังจากเจอมะเร็งครั้งแรก https://www.mrprin.net/2022/06/blog-post.html ตอนนี้ผ่านการรักษามาแล้ว ขอสรุป key message หลักๆ สรุปเอาไว้ให้ตัวเองในวันที่ผ่านช่วงเวลานี้ไป

      เริ่มจากความรู้พื้นฐานและขั้นตอนการรักษามะเร็ง จากการอ่านศึกษาทั่วไปพอจะสรุปแนวทางการรักษามะเร็งทั่วไปอย่างคร่าวว่าขั้นตอนการรักษาจะมี 3 ขั้นคือ

      1. ผ่าคว้านเอาเนื้อมะเร็งให้ออกไปเยอะที่สุด อาจจะกินพื้นที่เข้าบริเวณเนื้อดีบ้าง
      2. ฉายแสงเพื่อระงับการเดิบโตของเซลล์มะเร็งรอบๆบริเวณที่มีเซลล์มะเร็ง
      3. คีโมเพื่อระงับการเดิบโตของเซลล์มะเร็งที่กระจายผ่านเลือดหรือน้ำเหลือง

      หากเป็นมะเร็งที่มีการกระจายตัวช้า เช่นลำไส้หรือต่อมลูกหมาก บางทีจะเจอว่าแค่ผ่าออกไปแล้วจบการรักษาได้เลย แต่ถ้ามีการกระจายตัวไปพื้นที่ข้างเคียงอาจจะต้องมีการฉายแสงเพื่อระงับเซลล์มะเร็งที่แทรกตัวไปแต่ยังไม่ก่อนตัวเป็นก้อน หรือหากกระจานผ่านของเหลวได้ง่ายก็จะมีการให้คีโมเพื่อช่วยอีกทาง ทั้งหมดนี้คือสรุปเอาเองจากที่อ่านข้อมูลมา

      ####################

      การเตรียมตัว

      • การรักษามะเร็งโดยปกติจะรับการรักษาจากหมอ3ท่านคือหมอเฉพาะทาง หมอรังสี และหมอคีโม
      • เช่นในกรณีนี้เป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกจะมีคุณหมอโสตศอนาสิก(ENT)เป็นเฉพาะทาง หากมีเหตุต้องผ่าตัดหรือตัดชิ้นเนื้อ คุณหมอENTจะเป็นคนดำเนินการให้
      • หลังจากนั้นจะถูกส่งตัวมารับคำปรึกษาจากหมอรังสีเพื่อรับการฉายแสงเป็นจำนวนทั้งหมด 33ครั้งด้วยเครื่อง True Beam ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ หยุดเสาร์อาทิตย์และวันนขัตฤกษ์ โดยการการฉายจะต้องมีการทำหน้ากาก และทำ CT simulation เพื่อกำหนดองศาและตำแหน่งของการฉาย
      • ระหว่างที่ฉายแสงจะถูกส่งตัวไปรับการให้ยาเคมีบัตบำในกรณีเป็นการให้ยา Cisplatin เพื่อเสริมการฉายแสงให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยโดสที่จะได้รับคือ 240mg/m^2 โดยแบ่งให้เป็นรอบ รอบละ40mg/m^2 (เมื่อคำนวณน้ำหนักตัวแล้วจะได้ยาจำนวน 65mg)
      • ก่อนการฉายแสงจะต้องไปเช็คสภาพฟันเพราะหลังจากที่ฉายแสงไปแล้วกระดูกกรามและเนื้อเยื่อบริเวณกรามจะเป็นเนื้อเยื่อโดนรังสีไปตลอดชีวิต การซ่อมแซมร่างกายจะช้า ในกรณีที่ต้องถอนฟันอาจเกิดภาวะ ORT คือเนื้อเยื่อไม่ปิดทำให้กระดูกกรามเปิดนานเกินไปและเกิดภาวะกระดูกตายที่กราม หลังจากซ่อมฟันหรือถอนฟันจนเสร็จหมดแล้วในอนาคตจะไม่มีการถอนฟันอีกโดยหลักการจะใช้วิธีการอุดหรือครอบเป็นหลัก หากจำเป็นต้องถอนจะต้องมีการรักษาภายใต้การดูแลของทันตแพทย์แบบพิเศษที่เรียกว่า hyper oxygen condition
      • ไปติดต่อรับการบำรุงร่างกายจากแพทย์แผนจีน รพ.หัวเฉียว เพื่อป้องกันไม่ให้มีภาวะปากอักเสบรุนแรง และได้กินยาจีนทุกวันตลอดการรักษายกเว้นวันที่ให้คีโม และกินเหล่งเอี้ยงลดความร้อนจากรังสีเฉพาะวันที่ฉายแสง ผลที่ได้รับค่อนข้างพอใจคือไม่ต้องใส่สายอาหารทางจมูก สามารถเคี้ยวและกลืนเองได้แม้จะมีแผลเจ็บตอนกลืนบ้างแต่ยังพอทนได้

      ####################

      อาการข้างเคียง

      • จมูกจะมีน้ำเมือกและเลือดซึมตลอดเวลา อาจเป็นผลมาจากรังสีทำให้เนื้อเยื่ออักเสบ หมอ ENT ให้ทำการล้างจมูกเช้า 250cc และเย็น 250cc พร้อมพ่นยารักษาแผล ผลที่ได้คือพอจะพยุงไม่ให้เลือดไหลเป็นโจ้กได้บ้าง ยาที่พ่นจะไปเคลือบแผลไว้แล้วแห้งแข็งเป็นก้อน ข้อดีคือเลือดไม่ไหลข้อเสียคือล้างจมูกรอบต่อไปทำได้ยาก วิธีแก้คืออัดน้ำเข้าจมูกไปก่อน 1รอบแล้วค้างไว้ไม่ต้องสั่งออก จากนั้นไปแปรงฟันหรืออาบน้ำ แล้วจึงมาล้างจมูกต่อ จะช่วยให้แผลที่แห้งนิ่มตัวลงแล้วสั่งออกได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่ล้างออกจะทำให้ยาพ่นไม่สามารถไปเคลือบผิวเนื้อเยื่อสดๆได้
      • ภายในลำคอจะมีแผลผุพองเป็นตุ่มใสๆเมื่อแตกออกจะเป็นแผลคล้ายร้อนใน โดยมากจะเป็นหลังให้คีโมประมาณ 1-2 วันแล้วแผลจะทุเลาดีขึ้นใน 4-5วัน จากนั้นจะเริ่มรอบถัดไป ซึ่งเมื่อสะสมแผลทบไปเรื่อยๆ แผลจะเจ็บมากสุดหายยากสุดตอนที่ฉายแสงไปได้ประมาณสัปดาห์ที่ 6 หรือก็คือช่วงท้ายๆ จะมีแผลระบมเต็มปากไปหมด หมอรังสีให้ยาเบตาดีนสำหรับบ้วนปากมาใช้เพื่อลดการอักเสบ และหมอจีนให้ยาพ่นแตงโมมาใช้เพื่อเสริมการสมานแผล
      • ปากและลิ้นจะเป็นแผลเหมือนในลำคอ แต่จะมีอาการบวมและชาเพิ่มเข้ามา ข้อแตกต่างคือลำคอจะเจ็บตอนกลืนแต่ปากและลิ้นจะเจ็บตอนพูดทำให้พูดไม่ชัด ดื่มน้ำติดขัดก็เพราะลิ้นเจ็บนี่แหละ
      • น้ำลายแห้งเป็นอุปสรรคหลักในการดำเนินชีวิต เพราะนอกจากจะทำให้คอเจ็บมากขึ้น ฟันผุได้ไวขึ้น ยังทำให้ผนังคอแห้งเวลานอนจะลำบากและตื่นบ่อย ตัวน้ำลายจะเปลี่ยนสภาพจากของเหลวใสๆเป็นเมือกข้นๆเหนียวๆ ทางหมอENT ให้ยากระต้นต่อมน้ำลายมากินเพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำลาย แต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ กินทีไรเหงื่อออกเต็มไปหมดแต่น้ำลายยังแห้งเหมือนเดิม
      • ผิวหนังคอรอบนอกจะไหม้เกรียมในสัปดาห์ที่ 5 และจะกรอบในสัปดาห์ที่ 6 พอเข้าสัปดาห์ที่ 7 จะเริ่มลอกเป็นแผ่นๆ คุณหมอสั่งห้ามถู ห้ามโดนสบู่ ห้ามแกะ เพราะเนื้อเยื่อผิวหนังใหม่จะเติบโตช้าหากไปถูกหรือแกะออกก่อนที่มันจะสร้างใหม่เสร็จจะเกิดภาวะผิวหนังไม่แห้งเป็นน้ำเหลืองและอาจนำไปสู่การติดเชื้อดังนั้นต้องระวังจุดนี้ดีดี
      • กล้ามเนื้อบ่าคอจะโดนรังสีทำให้เกิดการระคายเคือง ร่างกายจะทำการสร้างเนื้อเยื่อและพังพืดมาซ่อมแซมบริเวณบ่าและคอ ดังนั้นต้องคอบริหารบ่าคอโดยการหมุนคอซ้ายขวาเช้าเย็นทุกวัน
      • กล้ามเนื้อกราม เช่นกันกับกล้ามเนื้อบ่าคอ กรามจะโดนรังสีทำให้เกิดพังผืดบริเวณปลายกราม จึงต้องฝึกอ้าปากให้กว้างโดยต้องวัดว่า ณ วันแรกเราอ้าได้เท่าไหร่ โดยระหว่างฝึกจะต้องมาเทียบกับวันแรกเสมอ ทางพยาบาลแนะนำให้ใช้ต่อ PVC วัด เพราะสามารถจำเบอร์ได้ว่าเป็นเบอร์อะไร
      • การรับรู้รสชาติดับสิ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของการฉายแสง เวลากินอะไรจะรู้แค่จืดและจืด แต่ความลำบากจะเกิดในสัปดาห์ที่ 4 เป็นต้นไปเพราะนอกจากจะไม่รู้รสชาติแล้วบางครั้งยังเกิดเหม็นกลิ่นอาหารคาว โดยเฉพาะเหม็นน้ำมันผัด น้ำมันเจียว ทำให้อาหารที่จะเลือกกินต้องตัดพวกผัดและทอดออกไปจนหมด แม้กระทั่งก๋วยเตี๋ยวที่ใส่น้ำมันเจียว เวลากินจะเลี่ยนๆมันๆ ทำให้คลื่นไส้อยากจะอ้วกตลอด
      • การกินค่อยข้างเลือกกินเนื่องจากผนังปากและลิ้นบวมเวลากินอาหารที่มีไขมันความรู้สึกคือจะโดนเคลือบเป็นไข ที่ผนังแก้มและเหงือกทำให้ความสามารถในการกินลดลงอย่างมาก ดังนั้นอาหารหลักที่เลือกกินตลอดสองเดือนคือข้าวต้มถั่ว และโจ้กไข่ ไม่สามารถกินหมูได้เนื่องจากเนื้อสัตว์มีความหยาบเวลากลืนจะติดที่ลำคอแสบและเจ็บ
      • น้ำหนักตัว คุณหมอคีโมจะคอยจับตาดูเรื่องน้ำหนักตลอดการรักษา เพราะน้ำหนักจะเป็นผลที่บอกว่าเรากินอะไรได้ดีแค่ไหน หากร่างกายกินได้น้อยจะส่งผลให้ค่าเลือดตก ไม่ว่าจะเป็นค่าเกล็ดเลือด ค่าเม็ดเลือดขาวและค่าอื่นๆอีกหลายตัว ดังนั้นน้ำหนักตัวจะเป็นด่านแรกที่ต้องควบคุมให้คงที่ วันแรกที่เข้ารับการรักษามีน้ำหนัก 57.1 และสัปดาห์ที่ 7 ชั่งได้ 56.8  จากการทดลองกินนมล้วนๆ กับกินข้าวล้วนๆ สามารถสรุปได้ว่า การกินข้าวครึ่งชามกับกินนม 1 แก้ว ควบคู่ไปทุกมื้อ จะรักษาน้ำหนักได้ดีสุด โดย 1 แก้วคือ นม 10 ช้อนกับน้ำ 250แแ
      • ค่าไต นอกจากค่าเลือดที่เกี่ยวโยงกับน้ำหนักตัวแล้วยังมีค่าไตที่ต้องพยายามรักษาตลอดการรักษา เพราะยาคีโมเป็นพิษต่อไต คน 1 ใน 10 จะเกิดภาวะไตวาย และถ้าค่าไตขึ้นแล้วมักจะเอาลงไม่ได้กลายเป็นไตเสื่อมในระยะยาว วิธีป้องกันคือต้องดื่นน้ำให้ได้มากกว่าวันละ 2ลิตร หรือถ้ารวมของเหลวอื่นๆแล้วควรจะได้มากกว่า 2.5ลิตรต่อวัน

      ####################

      ค่ารักษา 

      • ค่าฉายรังสีเฉลี่ยครั้งละ 10000บาท ทั้งหมดฉาย 33 ครั้ง
      • ค่าคีโมเฉลี่ยครั้งละ 4000บาท ทั้งหมด 6 ครั้ง
      • ค่าตัดชิ้นเนื้อตรวจ 20000 บาท
      • ค่า MRI 15000 บาท
      • ค่า CT Simulation 10000 บาท
      • ค่าวางแผนรักษา 30000 บาท
      • ค่าหน้ากากฉายรังสี 12000 บาท
      • ค่ายาจีนบำรุงร่างกายเฉลี่ย 3000บาท ทั้งหมด 10 ครั้ง

      เอาตัวเลขกลมๆคือประมาณ 5แสนบาทเป็นราคาคลินิคนอกเวลาเนื่องจากถ้าต้องรอคิวประกันสังคมจะได้คิวรักษาอีก 3 เดือน ทางที่ดีใครพอจะทำประกันมะเร็งแบบ เจอ-จ่าย-จบ ได้จะช่วยได้เยอะ ราคาเบื้ยสำหรับทุนประกัน 5 แสนตกประมาณเดือนละ 300บาท หรือปีละ3500บาท คิดคร่าวๆว่าทำไป 10 ปีแล้วไม่เป็นเท่ากับจ่ายทิ้งไปประมาณ 4หมื่น แต่ถ้าเป็นจะได้คืน 5แสนบาทถือว่าเป็นการทำที่ค่อนข้างคุ้มค่า

            ####################

            เรื่องทั่วไป

              • บางครั้งก็จิตตกปรับตัวค่อยได้ เบื่อไปทุกอย่าง
              • บางครั้งก็คิดว่าหากกินอะไรไม่ได้ ออกนอกบ้านไม่ได้ ชีวิตช่างดูไร้ค่าจริงๆ การนั่งเฉยๆในบ้าน การมองคนอื่นกินอาหาร
              • หลังจากหายแล้วเราควรมีความสุขกับการได้กิน ดีกว่ากินอะไรไม่ได้
              • เรืองการกิน อะไรที่อยากกิน อยากลอง ให้เลือกกินบ้างไม่ใช่ว่ากินๆเข้าไปเพื่อแค่อิ่ม ต้องดูเรื่องสารอาหารและคุณค่าด้วย
              • เรื่องการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับการกิน
              • และอื่นๆ ที่ยังคิดไม่ออก