6 กค
กินกระเพาะปลาตอนเช้า กลืนผิดจังหวะสำลัก ตอนแรกคิดว่าสำลักปรกติ แต่สักพักน้ำมูกไหล มีซุปปนออกมากับน้ำมูก แปลว่าที่สำลักเมื่อเช้าขึ้นไปถึงโพรงจมูก จึงรีบทำการล้างจมูกออก และหยุดเป่าหูไล่น้ำตามที่หมอ.ร แนะนำไว้ ป้องกันเศษอาหารทะลุไปที่หู แล้วติดเชื้อมากขึ้น ตกดึกตอนนอนเริ่มหูอื้อเล็กน้อย อากาศเย็นฝนตก
7 กค
เช้ามาหูอื้อมากขึ้น เริ่มมีน้ำมูกเยอะ สั่งน้ำมูกไปสามรอบตอนเช้า และอีกสี่รอบตอนสายๆ ทำการล้างจมูกเพิ่มเติม เริ่มได้ยิน มีเสียงแก้วหูขยับ หูเริ่มตื้อ แต่ยังไม่ปวด ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุ้บๆในหู ตอนนี้ตอนบ่ายรอดูอาการไปก่อนว่าจะมีอาการปวดหูเพิ่มไหม
บ่ายกว่าๆละ เริ่มแน่นหูมากขึ้น คิดว่าไปหาหมอดีกว่า เผื่อเป็นอะไรจะได้กินยาทัน หมอ.ช ดูหูบอกว่ามีระดับน้ำประมาณ 30% คอไม่แดง คิดว่าน้ำมาจากแพ้อากาศ ยังไม่น่าจะติดเชื้อ ให้ยาแก้แพ้และซูโดลดน้ำมากิน10วัน ถ้ามีอาการอื่นค่อยมาเอายาฆ่าเชื้อ
จากนั้นแวะไปหาหมอลำไส้ทางเดินอาหาร เล่าอาการให้หมอ.น ฟังว่า
- มีอาการถ่ายผิดปกติมาประมาณ2อาทิตย์
- มีอาการปวดท้องถ่ายปกติ แปลว่าลำไส้น่าจะทำงาน แต่พอเบ่งกลับไม่ออก มีแค่ลมออกมา ปลายทวารไม่เปิดออกง่ายๆแบบที่เคย ต้อง เบ่งแรงเบ่งนาน
- เบ่งแล้วลำอุจาระไหลออกไม่แรง ลำอุจาระเล็กลงจากที่เคย ปลายลำแห้งแข็ง ผิวมีลักษณะขรุขระหยาบ แต่สีเหลืองสีน้ำตาลปกติ ไม่ดำคล้า
- ช่วงแรกของการเบ่งจะเจ็บรอบทวารจึงต้องขมิบตัดแบ่ง ทำให้ออกมาเป็นก้อนเล็กๆ
- ปลายลำบางครั้งมีเมือกแวกซ์สีขาวเคลือบ
- ช่วงที่ผ่านมากินผักมากพอสมควร กินแฟลกซี้ดวันละ5ช้อนผสมน้ำผักปั่นเพื่อเพิ่มมวลอุจจาระ แต่ลำที่ออกมายังมีลักษณะแน่นตรงปลาย แต่หลังๆจะยังคงฟูนิ่ม
- หลังถ่ายจะมีอาการเจ็บที่ปลายรูทวาร เหมือนเจ็บริสีดวง เจ็บค้างทั้งวัน
- มีอาการปวดท้องถ่ายตุ่ยๆ เบาๆ ไปตลอดวัน เหมือนอยากเข้าห้องน้ำถ่าย
- อ้าปากให้กว้างที่สุดแล้วรีบกลืนน้ำลาย
- เยื้องปากมาข้างหน้า เหมือนทำฟันล่างเหยิน แล้วรีบกลืนน้ำลาย
- ปิดจมูก เป่าลมเข้าหูแล้วรีบกลืนน้ำลาย วิธีนี้ช่วยขยับแก้วหูที่จมน้ำให้ขยับไปมาได้ด้วย ลดการปวดในบ้างจังหวะ






No comments:
Post a Comment