19 สค
มีอาการคัน ทั่วไปตามแขนขา
21 สค
อาบน้ำปกติแต่มีเผลอทำน้ำเข้าหูซ้ายนิดหน่อย เช็ดแล้วไม่ได้สนใจอะไร จากนี้นไปเข้านอนตอนสี่ทุ่ม ราวๆ เที่ยงคืนตื่นด้วยอาการแน่นหู ปรากฏว่ามีน้ำไหลเต็มหู ทดลองเป่าหู แก้วหูแน่น ได้ยินเสียงหัวใจ confirm น้ำมาจริง
22 สค
อาการโดยทั่วไปคือแน่นหู หูอื้อทั้งวัน ไม่ได้เป่าไล่เพราะมันตึง แต่ใช้วิธีขยับขากรรไกรช่วย มีน้ำขมๆไหลลงมาบางครั้ง พอช่วยได้ แต่จะมีอาการคอตึงด้านซ้าย ต้องคอยนวดเป็นระยะ
23 สค
เช้ามาเริ่มมีเสียงแปะๆๆๆดังในหู ทดลองเป่า มีอาการเจ็บแปล๊บตามขอบแก้วหู มีปวดกกหูด้วย และเส้นคอตึง กำลังตัดสินใจว่าจะไปหาหมอดีไหม
ช่วงบ่ายอาการยิ่งขึ้น ปล่อยตามเลย ไม่ได้หาหมอ หูยังมีอาการแน่นอยู่ ระดับความอื้อคือ 90% ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง มีเสียงวี้ดในหูดังขึ้น เจ็บแปล๊บๆเป็นบางจังหวะ ไม่รู้คิดผิดหรือเปล่าที่ไม่ไปหาหมอ เพราะอาการคล้ายครั้งที่แล้วคือ ไม่มีไข้ กินแค่ซูโดสองสามวันก้อหายเองได้ จำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วปวดแน่นหูแค่ไหน เสียดายไม่ได้จดละเอียด
24 สค
เข้ามายังปวดหูตุ้บๆ มีเจ็บแปล๊บๆบ้าง อาการรวมๆคือทรงๆ ไม่มีการเติมน้ำเข้ามาจนแน่นขึ้น ไม่มีน้ำเหลืองไหลลงคอตอนบ้วนปากเช้า แปลความได้ว่าน้ำไหลน้อยลงแล้ว แต่ที่ยังไม่หายอื้อน่าจะยังบวม ตอนนี้คงต้องเพิ่มสมมติฐานว่าจิดเชื้อจริงๆละ เย็นนี้คงต้องไปหาหมอ นั่งคิดได้ว่าแทนที่จะนั่งรอการ เราหากล้องส่องเข้าไปดูลักษณะการอักเสบเลยดึกว่า นั่งเสริช หาได้สองตัว มีความละเอียดHD เท่ากัน ต่างกันที่แบตมากกับแบตน้อย เลยเอาตัวแบตน้อยมาลองใช้ ตัวแพงจะมี ear specula มาพร้อม ฟังชั่นคือเป็นที่ตรวจหูเต็มรูปแบบ แต่ตัวถูกจะเป็นประมาณไม้แคะขี้หูพร้อมภาพมากกว่า ทั้งสองตัวต่อผ่าน wifi ส่งรูปเข้า ipad
ค้นหาเครื่องส่องหูไปพลาง ไปเจอเวบของหมอภูมิแพ้บอกว่าการล้างจมูกมีโอกาสทำให้หูติดเชื้อได้ แต่มักจะเกิดกับเด็กเล็กเพราะระบบท่อยังพัฒนาไม่เต็มที่
https://www.facebook.com/100064196790623/posts/2983536928330484/

เย็นแล้วหูยังไ่ม่หายแน่น เริ่มกังวลว่ามันคงไม่หายเองแล้ว จึงไปให้หมอช่วยดูว่าต้องกินยาอะไรบ้าง หมอส่องหูให้บอกว่ามีรอยแดงครึ่งบน แต่ไม่มาก เล่าให้หมอฟังว่าวันก่อนเจ็บแปล๊บๆ วันนี้เริ่มไม่เจ็บมากแล้ว หมอประเมินว่าน่าจะเริ่มทรงตัว แต่เพื่อความปลอดภัยเอายาฆ่าเชื้อไปกินเถอะ
สบโอกาสจึงถามหมอว่าหูชั้นกลางติดเชื้อ สาเหตุมาจากการล้างจมูกได้จริงไหม หมอบอกว่า ถ้าโตแล้วระบบท่อยูสเตเชี่ยนจะปิดตลอดเวลา ถ้าล้างจมูกไม่ได้แรงมากเกินไปจะไม่เข้าไปที่หูได้ แต่ในกรณีที่ฉายแสงมา เนื้อเยื่อที่ท่ออาจจะปิดไม่สนิท ทำให้มีการติดเชื้อขึ้นบ่อยๆ การล้างจมูกเป็นแค่ 1 ความเสี่ยงมากกว่าจะเป็นสาเหตุหลัก
สรุปว่าได้ยามา 3 ตัว รวมกับยาลำไส้ ตอนนี้กินยาแทนข้าวไปแล้ว
25 สค
ได้กล้องมาแล้ว ตัวที่ซื้อมาจริงๆแล้วมันคือไม้แคะหูแบบมีก็ล้อง แต่อาศัยว่ารุ่นนี้ให้กล้องความละเอียด HD มา แล้วเราเอามาตัดปลายไม้แคะหูอะไร ฝนลบคมปลายออกแล้วไปหา speculumขนาด5มม มาครอบเพื่อว่าเวลาแยงเข้าหูจะไม่ลึกจนไปเกี่ยวแก้วหู เพราะปลายกล้องหนา3.9มม ขนาดรูหูปกติ 6มม แต่speculumที่ขายกันมีขนาดใหญาพกพาไม่สะดวก เลยเอาปลายศริงค์ มาตัดแล้วเสียบแทน
ก่อนดัดแปลง
ทดลองกล้องส่องหู
รูปหูซ้ายวันที่ 25 สค
รูปหูซ้ายวันที่ 26 สค
รูปหูซ้ายวันที่ 28 สค
รูปหูซ้ายวันที่ 30 สค
รูปหูซ้ายวันที่ 31 สค
เมื่อวานไปหาหมอพร้อมกับเอารูปที่ถ่ายไปให้ดูด้วย หมอดูเปรียบเทียบก่อนกินยากับหลังกินยา แล้วตัดสินใจให้ว่าหยุดยาฆ่าเชื้อได้ ที่เหลือน่าจะเหลือแค่เนื้อเยืออักเสบเลยให้กินยาลดบวมต่ออีก7วัน ตอนนี้ไม่มีอาการปวดแล้ว ส่วนอาการหูอื้อวันนี้เหลือประมาณ 50% การเป่าหูยังสามารถทำแก้วหูขยับได้ปกติ ไม่เจ็บไม่ปวด บริเวณขอบแก้วหู
สรุปการใช้ไม้แคะหูว่า ถ้าเอาไม้มาเขี่ยขี้หู ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ทำให้เจ็บในรูหูได้หมดทุกกระบวนท่า ผิวหนังในรูหูเป็นอะไรที่บางมากๆ เขี่ยๆ ถูๆ สองสามรอบจะมีอาการแสบ แปลว่าแม้กระทั่งคัตตอนบัด เราก็ไม่ควรใช้เช็ดในรูหูเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เลยมีตัวกล้องสีขาว และตัวไม้แคะสีดำ คงต้องเลิกใช้ตัวไม้แคะละ
15 กย
หูไม่แดงแล้ว แต่รอบนี้อาหารหูอื้อไม่หายไป เสียงวี๊ดในหูมีตลอด 24 ชั่วโมง
เท่ากับว่าเสียงเงียบไปได้แค่ 1เดือน แล้วมันก้อกลับมาใหม่ เอ้าอยู่กับมันต่อไป
29 กย
อัพเดทสภาพหู ที่อื้อเหลือประมาณ20% คิดเอาเองว่า น่าจะเห็นน้ำเหลือน้อยลงมั้ง ฟองใสๆ น่าจะเป็นระดับน้ำที่เหลือค้าง
3 ตค
วันนี้หูอื้อเหลือ 10% แต่เสียงวี้ดยังคงอยู่ ไม่หายไป
5ตค
มีอาการคัดตึงๆในกกหู ส่องดูมีเมือกน้ำมูกในหูด้วย

7 ตค
มีเมือกสีน้ำตาลเข้มหลุดออกมาจากหู จากนั้นหูอื้อก็ลดเหลือ 5% แต่เสียงวี๊ดยังคงอยู่ไม่หายไป แต่เมือกหายไปจากรูปแล้ว
13 ตค
อัพเดทอาการลำไส้แปรปรวน
หลังจากที่ตัดสินใจหยุดไปหาหมอด้วยเหตุผลว่า ส่องกล้องก้อแล้ว ไม่เจออะไร ทำให้ต้องกินยาตามอาการเท่านั้น และยาที่กินก้อไม่ได้ผลมากนัก ต้องเปลี่ยนยากไปเรื่อยๆวนไป แถมถ้าท้องผูกก้อใช้ยาถ่ายช่วย ซึ่งการกินยาถ่ายมันทำให้ถ่ายเหลว1วัน ถ่ายแข็ง1วัน
จึงลองซื้อโปรไบโอติกมาลองกินดู3ยี่ห้อกินมา1เดือนและพยายามหยุดอาหารที่คิดว่ามีผลต่ออาการ เช่นน้ำผักปั่นและผักสด ได้ค้นพบว่า ตัวที่่มีผลต่ออาการมากที่สุดคือน้ำเบอร์รี่ ตอนนี้หยุดมา2อาทิตย์แล้ว และกินไบโอติกต่อเนื่อง อาการวันนี้คือถ่ายได้ปกติไม่ได้แข็งมาก แต่อาจจะถ่ายไม่ทุกวัน แต่ที่ดีขึ้นมากๆคือ รูปร่างผักที่ออกมา ไม่ได้เป็นใบๆ ช่วงก่อนคือกินผักอะไรสีอะไร เข้าไปแบบไหน ออกมาหน้าตาเหมือนเดิมสีเดิม แต่วันนี้ที่เปลี่ยนไปคือผักไม่ว่าจะสดหรือจะสุก กินเข้าไปแล้ว เวลาออกมาจะเป็นใยใสๆ ฟูๆ ถ้าคิดเอาเองคือน่าจะดีขึ้น ประมาณว่ามีการย่อย มีการทำงานบ้าง อาการปวดท้องปั่นป่วนก็แทบจะหายไป ยังเหลือบ้างแต่น้อยลงไปเยอะ น้ำหนักก็เริ่มกลับมา จากช่วงที่ปวดท้อง นน ตอนเย็นลดลงไปถึง 55 ตอนนี้ค่อยขึ้นมาเป็น 57 ในช่วงเวลาเย็น
No comments:
Post a Comment