Tuesday, December 9, 2025

NPC ตอนที่ 50 เฝ้าระวัง ภาวะกระดูกตาย หลังฉายแสง ปีที่ 5

9 ธค

มาพบหมอจมูก หมอแจ้งว่า mri ปกติ แต่มีไซนัสบวม ให้ล้างจมูกต่อเนื่องห้ามขาด แม้ว่าจะไม่มีอาการ เพราะถ้ามีอาการติดเชื้อแล้วจะรักษายากกว่าปกติ ตอนนี้เริ่มมีรายงานว่าคนไข้ npc มักจะมีอาการกระดูกฐานกระโหลกตาย ในปีที่7เป็นต้นไป และจะเป้นหนักในปีที่ 10 ดังนั้น ต้องระมัดระวัง อย่าให้ติดเชื้อลามไปกระดูก เกิดกระดูกตาย สรุปคือให้ล้างจมูกและพ่นยาต่อเนื่อง

โดยมาก คนไข้ npc จะเป็นคนที่รักษามาราธอนที่สุด กล่าวคือเป็นโรคที่รักษาให้หายได้แต่ผลข้างเคียงเยอะ คนไข้ caอื่น มักจะรุนแรงและหลังรักษาจะอยู่ได้น้อยกว่า โดยปกติ NPC จะกลับมางอกใหม่ ภายใน3ปี ถ้าพ้นสามปีแรกไป มักจะไม่กลับมาแล้ว ดังนั้นนัดอีกที 6เดือน


** ข้อมูลต่อไปนี้มาจาก ChatGPT ต้องตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง **

กระดูกตาย (Osteoradionecrosis – ORN) คืออะไร?

เป็นภาวะแทรกซ้อนจาก รังสีรักษา (Radiotherapy) ซึ่งทำให้กระดูกในบริเวณที่ถูกฉายแสง:

  • เส้นเลือดฝอยในกระดูกลดลง

  • การไหลเวียนเลือดไม่ดี

  • กระดูกซ่อมแซมตัวเองยาก

  • เสี่ยง “เนื้อตาย” หากถูกกระตุ้นด้วยการติดเชื้อ/ฟันผุ/ถอนฟัน

บริเวณที่เสี่ยงที่สุด ในผู้ป่วย NPC คือ:

  • กระดูกขากรรไกรล่าง (Mandible)

  • กระดูกเพดาน/ฐานกะโหลกด้านหน้าในบางราย


เสริมสารอาหารที่ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ (ระดับงานวิจัย)

ไม่ใช่ยา แต่ช่วยสนับสนุนฟื้นตัวได้จริง โดยเฉพาะในผู้ที่ผ่านรังสี

  • L-Arginine / Citrulline

เพิ่ม nitric oxide → ขยายหลอดเลือด → เพิ่ม microcirculation

  • Omega-3 (EPA/DHA)

ลดการอักเสบเรื้อรัง → ทำให้เส้นเลือดฟื้นง่ายขึ้น

  • Vitamin D, C

จำเป็นต่อ collagen remodeling และเนื้อเยื่อใหม่

  • CoQ10

เพิ่มพลังงานให้เซลล์เยื่อบุหลอดเลือดซ่อมแซมตัวเอง


รักษาผิวช่องปาก–โพรงจมูกให้ชุ่ม

เนื้อเยื่อแห้ง = แผลซ่อมแซมยาก → เลือดมาเลี้ยงลดลง
ที่ควรทำต่อเนื่อง:

  • น้ำเกลืออุ่น (0.9%)

  • น้ำมันงา/น้ำมันมะกอกกลั้วเบา ๆ (มีงานวิจัยเรื่อง mucosal healing)

  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์/บุหรี่


หลีกเลี่ยงการติดเชื้อซ้ำ

การติดเชื้อจะลดการไหลเวียนเลือดอีก ทำให้เสี่ยงกระดูกตายเพิ่ม

  • รักษาโพรงจมูกให้โล่ง

  • ลด alllergy flare

  • ควบคุมไซนัสอักเสบให้ดี


ทำไมต้องบริหารฐานกะโหลก?

เพราะหลังฉายแสงจะมี:

  • เส้นเลือดฝอยหาย / ตีบ

  • กล้ามเนื้อรอบฐานกะโหลกแข็ง → ลดการไหลเวียนเลือด

  • ท่อยูสเตเชียนไม่ค่อยขยับ → หูอื้อ / กุบกั่บ

  • เนื้อเยื่อหลังโพรงจมูกฟื้นตัวช้า

  • เสี่ยงกระดูกตาย (osteoradionecrosis) ถ้าเลือดไหลไม่ดี

การบริหารช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด + ลด fibrosis + เปิดการทำงานของกล้ามเนื้อรอบ ๆ

ไม่ใช่การ “นวดโดนกะโหลก” แต่เป็นการ ขยับกล้ามเนื้อรอบฐานกะโหลก ให้เลือดไหลดีขึ้น


ท่าบริหารฐานกะโหลกที่ปลอดภัยที่สุด (ให้ทำทุกวัน)

✔ ท่าที่ 1 — “ยืดกล้ามเนื้อ SCM”

กล้ามเนื้อนี้พาดจากกระดูกกกหูลงไปไหปลาร้า → ส่งผลตรงต่อความตึงของฐานกะโหลก

วิธีทำ

  1. หันหน้าไปด้านขวาช้า ๆ

  2. เอียงหัวไปซ้าย

  3. รู้สึกตึงที่บริเวณด้านข้างคอ

  4. ค้างไว้ 20 วินาที

  5. สลับข้าง

ประโยชน์:

  • คลายกล้ามเนื้อที่ดึงฐานกะโหลก

  • ลดอาการเจ็บหูขยับ / กุบกั่บ


✔ ท่าที่ 2 — “Jaw stretch” (ยืดกราม)

เพราะกล้ามเนื้อกรามเกาะใกล้ฐานกะโหลก

วิธี

  1. อ้าปากช้า ๆ

  2. ไล่กรามไปซ้าย – ขวา อย่างช้า

  3. อ้ากว้าง 70–80% ไม่ต้องสุด

  4. ทำ 10 รอบ

ประโยชน์:

  • ลดแรงดึงรั้งหลังโพรงจมูก

  • ช่วยการไหลเวียนบริเวณท่อยูสเตเชียน


✔ ท่าที่ 3 — “Tongue-to-roof stretch”

กล้ามเนื้อโคนลิ้นเกาะกับฐานกะโหลกด้านหน้า

วิธี

  1. เอาลิ้นแตะเพดานปากด้านหลัง

  2. กดลิ้นค้างไว้

  3. หายใจทางจมูก 10 ครั้ง

ประโยชน์:

  • เปิดทางระบายหลังโพรงจมูก

  • ลดเมือกค้าง

  • ช่วยลดตึงตอนกลืนน้ำลายเจ็บแบบเข็มจิ้ม


✔ ท่าที่ 4 — “Eustachian pump exercise” (ช่วยหู)

ใช้ได้ดีมากสำหรับอาการกุบกั่บ

วิธี (แบบง่ายที่สุด)

  1. หายใจเข้าลึก

  2. กลืนน้ำลายพร้อมหันศีรษะไปด้านที่มีอาการ

  3. ทำซ้ำ 10 ครั้ง

ทำให้ท่อยูสเตเชียน “เปิด–ปิดดีขึ้น” → ลดเสียงกุบกั่บ


✔ ท่าที่ 5 — “Base-of-skull massage (ด้านนอก)”

จุดนี้ชื่อว่า suboccipital region
ไม่ใช่นวดฐานกะโหลกภายใน แต่เป็นนวดกล้ามเนื้อที่ยึดกับมัน

วิธี

  1. ใช้นิ้วโป้งกดเบา ๆ ที่บริเวณใต้กะโหลกด้านหลัง (ฐานกะโหลกด้านหลัง)

  2. หมุนเป็นวงเล็ก ๆ

  3. กด 5–10 วินาที / จุด

  4. ทำสองข้าง

ช่วยทำให้เลือดวิ่งขึ้นไปถึงฐานกะโหลกด้านหน้าได้ดีขึ้น


ทำไมท่าเหล่านี้ถึงช่วย "หลังโพรงจมูก"? (สำคัญมาก)

เพราะฐานกะโหลกคือ “จุดรวมของกล้ามเนื้อรอบ คอ–กราม–หู–หลังโพรงจมูก”
เมื่อบริหารตามนี้ จะเกิด:

  • เลือดไหลขึ้น skull base เพิ่ม

  • ลด fibrosis จากรังสี

  • เพิ่มการเคลื่อนไหวของท่อยูสเตเชียน

  • ลดแรงดึงที่ทำให้กลืนน้ำลายแล้วเจ็บแบบเข็มทิ่ม

  • ลดอาการตึงในโพรงจมูก

  • ลดความเสี่ยงกระดูกตายในอนาคต


No comments:

Post a Comment