Saturday, November 8, 2025

NPC ตอนที่ 49 อาการคอแข็งเกร็ง ไม่ใช่หมาบ้าเสมอไป

 07 พย

ตื่นเช้ามากับอาการแปลกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คือมีอาการเจ็บแข็งเกร็งที่คอ รอบๆ ลูกกระเดือก กลืนน้ำไม่ได้ โคนลิ้นไม่ขยับ นึกเอาว่าคอเคล็ดจากการนอนผิดท่า เช้ากินข้าวไม่ได้เพราะลิ้นแข็ง กลืนน้ำลำบาก อาการคล้ายคอแข็งตอนฉายแสง แต่เจ็บไม่เหมือนกัน อันนี้เจ็บที่กล้ามเนื้อด้านนอกคอ ทดลองขยันนวดคอให้คลายแต่ไม่ก็ไม่หาย

เที่ยงยังกินอะไรไม่ได้เลยตัดสินใจไปหาหมอ หวังจะให้หมอใส่สายยางอาหารให้ เพราะถ้ายังแข็งเกร็งแบบนี้ คนไม่ดีต่อกระเพราะเป็นแน่แท้ แถมมีความรู้สึกเหมือนเป็นไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว

พอไป รพ พยาบาลวัดไข้ได้ 38.5 เจอหมอวินิจฉัยว่าเป็น strap muscle ได้ยา celebex ลดกล้ามเนื้ออักเสบ กับ นอจิสิค คล้ายกล้ามเนื้อ และ เรพาริล ลดบวม กินไปตอนเย็น หนึ่งรอบ ยังไม่หาย แต่ดีขึ้นบ้าง รีบเข้านอนเผื่อจะช่วยได้บ้าง







08 พย

เช้ามายังไม่แข็งเกร็ง เลยลองเอา ไดโครฟิแนค ทา ปรากฏว่า ไม่ถึงชั่วโมง อาการแข็งลดลงไปเกินครึ่ง ช่วงบ่ายเลยทาซ้ำ ตกเย็น เหลือแค่คอตึงๆ

10 พย

วันนี้หายคอแข็งแล้ว ยาที่ถูกกันในรอบนี้คือ ยาทา โวทาเลนเจล กินยามื้อเย็นจบแล้วจะหยุดละ แต่เสียงยังแหบต่อ


11 พย

วันนี้หยุดยาละ คนไม่เจบแล้วเหลือ แค่ตึงๆ นิดหน่อย แต่เสียงยังต่ำอยู่ พูดแล้วไม่ดัง

13 พย

เสียงกลับมา 95%ปกติแล้ว

17 พย

เมื่อวานอากาศเย็น วันนี้ จมูกซ้ายบวมที่turbinate อีกละ

21 - 27 พย

ช่วงนี้อากาศเย็น บางวันหูมีเสียงแปะๆ เจ็บๆ ตึงๆ แต่ไม่มีน้ำค้าง สังเกตุได้จาก น้ำลาย ผนังคอไม่เหลือง แต่มีอาการร้อนใน เป็นแผลที่ปาก นาฬิกาวัด hrv ได้ 25/28/30 ซึ่งตกค่าเฉลี่ยจาก 35

28 - 2 ธค

อากาศเย็น ลงไปที่ 20องศา

ไม่มีน้ำมูก แต่หูอื้อบางวัน ส่วนมากจะดังวี้ด และดัง แป๊ะๆ  ไม่ได้ล้างจมูก แต่ล้างคอ

3-4 ธค

เริ่มล้างจมูก มีน้ำมูกค้างใน ไซนัส ข้างซ้าย คอมีน้ำลายจับตัวสีเหลืองน้ำตาล รีบล้างจมูก และกลั้วคอลึกๆ เช้าวันนี้ หูกลับมาปกติแล้ว

ตอนเย็นไปพอหมอรังสี วันเสาร์ที่ผ่านไปไปทำ MRI ครบรอบ 3 ปีแล้วที่ฉายรังสีกับคีโมมา หมอบอกว่า โรคยังสงบดี น้ำในหูเริ่มลดลง แต่ยังมีค้างอยู่บ้าง ตรงกับที่เราบันทึกไว้ว่ามีอาการหูอื้อเป็นบางวัน แต่พอล้างเยอะๆ หูก้อกลับมาปกติได้ในบางวัน


5-6 ธค

อากาศไม่เย็นแล้ว แต่มีน้ำมูกไหล พอน้ำมูกมาหูก็เริ่มขยับ เจ็บตึงๆ และตามมาด้วยหูอื้อ วิธีเอาน้ำออกคือ อ้าปากกว้างๆ ขยับเยอะๆ จะมีเสียงกุบกับ ถ้าทำถูกน้ำจะค่อยๆ ไหลลงคอ แต่ช่วงนี้ไม่เยอะ ยังไม่ได้รถขมๆ ไหลลงคอเท่าไหร่ 

.



Monday, July 7, 2025

NPC ตอนที่ 48 เดือน กค-สค-กย-ตค อาการคงที่

 31 กค

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพเดท เพราะอาการคงที่ มีเจ็บคอบ้าง แต่ถ้าเป็นไม่เยอะ ล้างคอด้วยน้ำเกลือ ตามด้วยไอโอดีน สองสามวัน อาการจะทุเลาลง

จมูกยังคงมีตื้อๆที่ turbinate ซ้าย อยู่เนืองๆ แต่อาการตันที่ maxirary ไม่มีแล้ว เวลาล้างจมูกจะมีจุดที่ต้องล้างสามท่า คือ ก้มเยอะๆ เพื่อล้างโพรงจมูก maxirary หรือ ก้มไม่เยอะ และเงยคางนิดนึงจะเป็นการล้างท่อยูสเตเชียน หรือถ้าใช้ท่าปกติตามยูทูป จะเป็นการล้าง turbinate 

รู้ได้อย่างไรว่าท่าไหนล้างอะไร บังเอิญตอนที่เป็นไซนัสอักเสบเดือน มิถุนายน แล้วได้ยา pumicot มาล้าง ตอนล้างมันแสบวาปไปตามเส้นทางที่บีบน้ำเข้าไป ทำให้รู้แต่ละท่า ส่งน้ำเข้าไปลึกได้ไม่เท่ากัน

ส่วนเรื่องคอ โดยมากเป็นเพราะน้ำลายเหนียวแล้วล้างคอไม่ดี ทำให้อาหารค้างที่ผนังคอด้านใน ก่อให้เกิดการเน่าและติดเชื้อ วิธีการล้างคอที่บังเอิญเจอคือ บีบลำคอให้เหมือนจะขากเสลด หลอดคอมันจะบีบเล็กมาก ให้เงยหน้าแล้วทำแบบนี้ตอนอมน้ำเกลือ เอียงหัวซ้ายขวาแล้วทำเสียง อาาาา น้ำเกลือจะเข้าไปตามซอกคอ ผนังคอด้านใน ถ้าทำได้ถูก น้ำลายก้อนเหนียวๆ จะหลุดออกมาได้ง่ายๆ แล้วจมูกจะโล่งทันที ถ้าทำไม่ดี ปล่อยไว้วันหรือสองวัน จะได้เริ่มได้ยินเสียงกุบกับที่หู บอกให้รู้ว่า ท่อยูสเตเชียนเริ่มมีปัญหา จังหวะนั้นจะมีอาการหูอื้อลมเป็นพักๆ แล้วถ้าอ้าปากกว้างๆ แล้วหูหายอื้อ ยิ่งเป็นการ confirm ว่าท่อตัน ต้องล้างคอให้บ่อยขึ้น หากไม่ล้างให้ดี แล้วทิ้งไว้โดยเฉพาะตอนนอนหลับ ตื่นมาจะรู้เลยว่าคอเจ็บ ลามไปหูเจ็บ แล้วลงท้ายด้วยติดเชื้อ น้ำในหูเริ่มดัน


11 สค

วันนี้เป็นวันแรกหลังจากติดเชื้อรอบนี้ ที่ล้างจมูกแล้วไม่มีน้ำมูกออกมาจาก maxillary sinus พอไม่มีน้ำมูก เวลากดที่ติ่งจมูกก้อไม่เจ็บ ไม่แน่น จมูกโล่ง มองย้อนไปคือเป็นช่วงที่ใช้ อวามิส ก่อนหน้านี้ใช้ อีกตัวที่หมอให้ ไม่รู้เกี่ยวไหม แต่ลองจดไว้ก่อน


2 กย

วันนี้ ไซนัสบวมคับจมูก มาพร้อมเสียงกุบกับในหู


6-11 กย

เป็นช่วงอาทิตย์แรกในรอบ สี่เดือนตั้งแต่ พค ที่ล้างจมูกแล้วไม่มีน้ำมูกจากโพรง ไซนัส maxillary ออกมา คือประมาณว่าแห้งแบบแห้งเลย ถ้าจะมีบ้างคือน้ำมูกจากแพ้อากาศปกติ

12 กย

ที่ทำงานฝนตก น้ำรั่ว ให้ทาง fac มาดู เขาเปิดฝ้า ยิบซั่มฟุ้ง รีบใส่หน้ากาก จากประวัติเวลามียิบซั่มฟุ้งมักจะแพ้ น้ำเหลืองไหล


13 กย 

มีอาการเจ็บคอตอนเช้าตื่นนอน คายน้ำลายได้เป็นสีเหลืองใส คือสีเซรั่มนั่นแหละ มาจากพนังคอด้านใน รีบถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน อาการแบบนี้มักจากตามด้วยการติดเชื้อ ถ้าล้างน้ำเกลือไม่เพียงพอ ดังนั้นวันนี้หรือพรุ่งนี้ต้องคอยระวังเรื่องการล้างคอให้ดี

เช้ามาเยอะ


เย็นลดลงแล้ว


14 กย

เช้ามาคอไม่เจ็บแล้วแต่ยังมีเสมหะก้อนที่หลังคอหอยเป็นวุ้นๆ รอบนี้ไม่ได้มาจากจมูก ไม่แน่ใจว่ามาจากส่วนไหน แต่ทว่าหลังจากผ่านมาสี่เดือนลองสรุปขั้นตอนการเกิดอาการไว้อีกรอบเผื่อเปรียบเทียบกับรอบหน้า

  • เริ่มจากมีอาการแพ้ในโพรงไซนัส ทำให้มีน้ำมูกมาก และไซนัสบวมโดยเฉพาะในโพรง maxillary ส่วนที่บวมจะเป็นส่วน turbinate
  • เมื่อน้ำมูกค้างเยอะ จะมีบางส่วนไหลมากองที่ท่อยูสเตเชียน น้ำมูกส่วนใหญ่จะไม่ไหลออกมาเอง คาดว่าเป็นผลจาก เซลพัดโบก ไม่เหลือแล้ว
  • น้ำมูกที่ค้างแรกๆจะใส แต่ถ้าค้างนาน หรืออักเสบแพ้นาน จะการเป็นสีเหลืองใส ถ้ายังแพ้อีกจะกลายเป็นวุ้นสีเหลือง ส่วนที่มาจากไซนัส จะเป็นเมือกแพแผ่นบางๆ กว้างๆ
  • วิธีการแก้ไขคือล้างจมูกแบบใช้ขวดบีบ หลีกเลี่ยงจากใช้ หลอดฉีดยา เพราะหลอดฉีดยามีแรงดันสูงเกินไป เวลาดันแล้วน้ำจะย้อนเข้าหูทำให้เกิดน้ำในหูค้าง ตอนเข้าน้ำไหลไปด้วยแรงดัน ผ่านท่อยูสเตเชียนที่บวมเข้าไป แต่ตอนออกไม่ยอมไหลออกเอง แล้วถ้าค้างนานจะเกิดการติดเชื้อในที่สุด การเป่าไล่น้ำไม่ควรทำเพราะจะทำให้ติดเชื้อเร็วขึ้น
  • วิธีการแก้เรื่องน้ำคือ อ้าปากให้กว้างที่สุดแล้วกลืนให้เร็วที่สุด น้ำจะไหลตามออกมาทีละนิด ทำสักสองสามวันจะหายไปเอง ในระหว่างนี้ถ้าติดเชื้อก้อกินยาบรรเทาจนไซนัสไม่บวม น้ำจะไหลออกมาได้เร็ว
  • ยาซูโดเอฟิดีน ทำให้น้ำมูกเหนียวขัน เอาออกยากกว่า ไม่ได้กิน ยาที่ได้ผลดีคืน เซอเทค เพราะจะลดน้ำมูกในไซนัสได้ดีกว่า
  • ในกรณีที่น้ำไม่ได้เข้าหู เพราะการล้างจมูก แต่ปล่อยน้ำมูกไว้ในโพรงไซนัส เวลาที่เมือกไหลมากองที่คอนานๆ จะจับตัวเป็นก้อน ถ้าทิ้งไว้นานจะหายใจลำบาก และนำไปสู่การติดเชื้อที่คอ และถ้าทิ้งไว้ก็จะลามไปที่หูได้เช่นกัน วิธีแก้คือล้างคอด้วยน้ำเกลือผสมเบกกิ้งโซดาให้ผนังคอหอยมันละลายเมือกแล้วคายออกมา ทำบ่อยๆ หงายคอสูงๆ ให้ถึงจมูกจนเหมือนจะสำลัก จะได้เมือกหลุดออกมาสะอาด ทำแบบนี้จะบรรเทาเมือกค้างที่คอได้ดี
  • การล้างจมูกเพื่อลดการไหลของน้ำมูก ต้องหาให้ได้ว่าในแต่ละรอบมีน้ำมูกค้างที่โพรงไซนัสตัวไหน ถ้าเป็น ไซนัสหน้าผาก ให้ก้มนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นไซนัส maxillary ต้องก้มจนเกือบขนานกับผิวโลก พร้อมเอียงหน้าให้ข้างที่จะล้าง 15องศา บีบขวดเบาๆ ถ้าน้ำตัน ให้ปล่อยแล้วสั่งออก ทำซ้ำจนโล่ง ห้ามบีบจนน้ำทะลุโพรงไซนัสออกมา
  • การล้างตามขั้นตอนนี้จะล้างได้ทั้งไซนัส และคอหอย สิ่งที่จะช่วยลดบวมได้อีกตัวคือ ยาพ่น อวามิส จากที่เทียบมา อวามิสจะคุมอาการได้ดีกว่า ไดมิสต้า
  • เวลาก่อนนอน ถ้าเคลือบฟลูออไรด์ให้รอจนฟลูออไรด์ เหลือน้อยที่สุดค่อยนอน จะช่วยลดเรื่อง ฟลูออไรด์ไปกองที่คอหอยได้บางส่วน

16-18 กย

สองสามวันนี้หูมีเสียงดัง แป๊ะๆๆๆ มาพร้อมกับอาการแน่นหู คอมีเสมหะเกาะเยอะ และเป็นสีเหลือง แผ่นๆ เจ็บหูจี๊ดเป็นบางครั้ง อาการแน่นหูจะหายตอนกลืนน้ำลาย

19กย

วันนี้คอเจ็บ ล้างคอบ่อยๆ เพิ่มขึ้น เสมหะจับเป็นก้อนแทนที่จะเป็นแผ่น สีเข้มขึ้น แต่หลุดออกเกือบหมด

22 กย 

เสียงแปะๆๆยังไม่หายไป ล้างคอต่อเนื่อง แต่เสมหะขาวแล้ว ไม่จับตัวเป็นก้อน


29 กย

วันเสาร์ไปซื้อของแล้วติดฝนน้ำท่วม กว่าจะได้กลับเข้าบ้าน 5ทุ่มกว่า ได้นอนเกือบตี 1 เช้านี้มาเสมหะ เหลืองเป็นกอง ออกมาจากด้านหลังคอ น่าจะมาจากไซนัสอักเสบ แล้วไหลไปรวมกัน เวลาที่มันไหลเยอะมันจะไปจับตัวเป็นก้อนที่หลังคอ หายใจลำบาก และจะผวาตื่นตอนกลางคืน  ต้องจำไว้เดี๋ยวนี้ถ้านอนผิดเวลา ร่างกายไม่แข็งแรงพอ มักจะมีอาการออกมาให้เห็นบ่อยขึ้น


30 กย

วันนี้สั่งน้ำมูกได้เป็นสีเหลืองกับสีใสผสมออกมาจากจมูกด้านขวา แต่ล้างจมูกแล้วโล่งดี ไม่มีค้างในโพรง แค่มีน้ำมูกเยอะ เหมือนเป็นหวัด


1 ตค

เช้ามา จมูก turbinate บวม ล้างจะจมูกได้เมือกสีเหลืองเป็นแผ่นๆ อาการคือ ไซนัสอักเสบ แถมตาร้อนคอร้อนเหมือนเป็นร้อนใน หูมีเสียงแป๊ะๆๆ อีกแล้ว วันนี้คือมีอาการแน่นจมูกชัดเจน 

4 ตค

และแล้วเมือกก้อมาแบบนี้เลย ทุกอย่างยังคงเกิดซ้ำๆ เราแค่อยู่กับมันและรับมือให้ถูกวิธี




20 ตค

มีคิวนัดตรวจ ว่าจะแวะไป สรุปอาการจากการคาดเดาส่วนตัวให้หมอฟังดังนี้


1.อาการหลักคือไม่เซรั่มเหลืองจากโพรงไซนัสจากการแพ้ ทั้งแพ้อากาศเย็น หรือติดเชื้อ

เวลามีอาการคือไซนัสจะบวมและแน่น ผลิตน้ำมูกเยอะ ถ้าอาการหนักจะเป็น เซรั่ม หรือเมือกเหลือง

การใส่หมวกจะช่วยบรรเทาการผลิตน้ำมูกได้ มากกว่า50%


2.ตอนเช้ามักจะมีอาการจมูกตันข้างเดียว ขึ้นอยู่กับนอนตะแคงด้านไหน

ล้างจมูกตอนเช้าไม่ค่อยช่วย แถมถ้าบีบแรงไป น้ำจะดันไปที่หูได้มาก

การล้างจมูก ที่ได้ผลดีคือ ต้องล้างให้ตรงโพรงที่มีปัญหา

ครั้งที่แล้วบังเอิญใช้ pumicot แล้วแสบทำให้รู้ว่า การล้างท่าไหน น้ำเกลือจะวิ่งไปที่โพรงไหนได้บ้าง

จังหวะการก้ม กับเอียง และแรงบีบ จะทำให้น้ำเกลือไหลไม่เหมือนกัน


3.น้ำมูกส่วนเกินชอบค้างในโพรงจมูกจะไม่ชอบไหลออกมาเอา มักจะค้างด้านใน

สาเหตุหลักที่คาดเดาก็คือขนพัดโบกน้อยทำให้ติดอยู่ในโพรงเยอะ

ล้างจมูกเวลาที่เหมาะสมสำหรับในวันคือช่วงบ่าย เพราะอาการร้อนน้ำมูกละลาย

แต่หากทิ้งไว้นานๆ น้ามูกจะไหลมากองที่คอ สะสมเป็นก้อนวุ้น

ถ้ามาถึงจุดนี้ ล้างจมูกจะไม่ช่วยเท่าไหร่ ต้องล้างด้วยน้ำเกลือจากคอเข้าไป

การล้างจากคอต้องเงยหน้าให้สุดแล้วทำท่าอ้าปากให้ผนังคอเป็นโพรงกว้างๆ

ทำช่วงแรกจะ สำลักและแสบจมูก แต่พอชินจะรู้ว่าน้ำเกลือไปถึงจุดไหนได้บ้าง

น้ำเกลือพอโดนน้ำมูกจะล้างเอาก้อนวุ้นออกมาได้ง่ายและคอจะโล่งมาก

คาดว่า น้ำมูกก้อนวุ้นคือสาเหตุหลักที่ทำให้ติดเชื้อ เพราะถ้าทิ้งไว้นาน

ก้อนวุ้นจะเริ่มเปลี่ยนสี จากขาวเป็นเหลืองและดำ ถ้าถึงขั้นดำ จะเริ่มมีกลิ่น


4.การล้างจมูกไม่ต้องการแรงดันที่เยอะ แต่ต้องการให้น้ำเกลือไปแตะแล้วละลายพาน้ำมูกไหลออกมา

ครั้งที่แล้วใช้แรงดันเยอะเกินไป บังเอิญท่อระบายบวมจากสาเหตุใดๆ 

พอน้ำเกลือส่วนเกินวิ่งเข้าหู และค้างไม่ลงมา ทำให้หูอื้อ

ช่วงหลังๆ การใส่หมวกและระวังเรื่องการบวม น้ำเกลือที่เข้าหู จะระบายออกเอาได้ง่ายขึ้น

เวลาน้ำเกลือเข้าหูจะรู้ตัวเพราะจะมีเสียงดังแป๊ะๆๆ ในหู ให้อ้าปาก กว้างๆ และอย่าเป่าหู


21 ตค

ล้างจมูก ล้างคอบ่อยๆ เอาสารสะสมพวกนี้ออกมาจะลดการติดเชื้อได้เรื่อยๆ




22 ตค

วันนี้หูอื้อ

23 ตค - 05 พย

ทุกอย่างปกติดี ใส่หมวกตลอด สามารถลดหูอื้อได้มากๆ เสียงวี้ดในหูยังคงชัดเจนตลอด2ปีไม่มีแผ่ว


06 พย

ล้างคอไม่ดีจะมีเมือกค้างแบบนี้และจะนำพาให้ติดเชื้อ พอหลุดออกมาคอจะโล่งดี




.

Saturday, June 7, 2025

NPC ตอนที่ 47 หวัดเรื้อรัง พค-มิย

 7 มิย

เมื่อวานอาการน้ำมูกหายไปหมดแล้ว จมูกโล่ง ไม่ปวด แต่เช้านี้กลับมาใหม่ แน่นจมูกไปหมด ล้างจมูกมีเมือกเหลืองออกมาเยอะมาก อาการเมือเหลือง ที่เป็นแผ่ๆ กองๆ แปลว่า เป็นเมือกใหม่ อาการใหม่ ย้ายที่ปวดไปอยู่ที่แก้มซ้าย ในโพรงไซนัส ตัว turbinate ไม่ปวดแล้ว ตัวรอบรูหูไม่ปวด อาการไม่คงที่ เย็นนี้รีบมาหาหมออีกที หมอบอกว่าเป็นหวัดเรื้อรัง เนื่องจากยังไม่ปวดเนื้อเยื่อ อยากให้ลองงดยาฆ่าเชื้อไปก่อน เลยให้ยา pumicot มาผสมน้ำเกลือล้าง ยาจะช่วยลดบวม ขยายรูในโพรงไซนัส ทำให้ล้างออกได้หมดจรด จะดีกว่าการพ่น dymista เพราะน้ำเกลือผสมยาวิ่งไปทั่งโพรงมากกว่า

การทดลองใช้ยาล้าง

  • รอบแรกล้างด้วยยาก่อน ปรากฏว่าเปลือง
  • รอบสองล้างด้วยน้ำเกลือเปล่าก่อนจนโล่งดี หลังจากนั้นค่อยเอายาน้ำเกลือล้างตาม ตอนล้างเมือกในโพรงไซนัสจะยังออกไม่เยอะ มันจะไหลเร็วใสๆ อาการแน่นในจมูกจะยังไม่หายไป
  • แต่หลังล้าง 2ชั่วโมง จะมีน้ำไหลออกจากจมูกซึม จึงไปล้างน้ำเกลือเปล่าอีกรอบ คราวนี้จะมีน้ำเมือกใหม่ และเมือกเก่าออกมา 
  • เมือกเก่าคือจะสีเข้มๆ และข้นเป็นก้อนๆ เมือกใหม่จะใสๆเหมือนน้ำมูกสีเหลือง




8 มิย
เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิท ตื่นมาล้างจมูก น้ำเกลือเปล่า 2 รอบ และล้างน้ำเกลือยาตอนเช้าอีกรอบ วันนี้ทั้งวันน้ำมูกไหลตลอดทุก 1 ชั่วโมงต้องไปล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเปล่า แต่เป็นน้ำมูกใส ไม่มีน้ำเมือกเหลืองเลย อาการปวดไซนัสก้อไม่มี จมูกไม่ตัน คอไม่เจ็บ หูไม่เจ็บ ต้องเตรียมตัววางแผนไปล้างจมูกที่ทำงาน พรุ่งนี้ให้ได้แบบนี้อีก มีไข้ 37.5


9 มิย
ยาสวนล้างจมูกนี่ ถ้าล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเปล่าดีดี ไม่มีน้ำมูกค้าง เวลาโดนยาจะแสบวาบไปทั้งโพรงแก้มเลย แต่ถ้าล้างไม่หมด เวลาสวนยาจะเฉยๆไม่รู้สึกอะไร นั่งจามทั้งวัน แต่ไม่มีน้ำมูกเหลือง

10 มิย
ยังเพลียๆ เหมือนจะมีไข้อีกละ น้ำมูกไม่มีแล้ว ไม่จามแล้ว ไม่ไอแล้ว เช้าจึงไปทำงาน นั่งห้องแอร์ได้ครึ่งวัน บ่ายต้องลากลับ ปวดโพรงจมูกด้านซ้ายมาก เวียนหัวข้างซ้าย กลับถึงบ้าน รีบไปล้างจมูก รันน้ำเกลือเยอะๆ ได้ก้อนเหนียวสีเหลืองหลุดออกมา ไม่มีเมือกเหลืองใสแล้ว ไม่มีน้ำมูกใหม่ คาดว่าเป็นก้อนที่ค้างอยู่ด้านในลึกๆ ที่ยังล้างไม่หมด ถ้ายังไม่หายดี พรุ่งนี้อาจจะขออยู่บ้านเพราะล้างจมูกต้องใช้น้ำเยอะ ขนไปล้างที่ทำงานไม่สะดวก


11 มิย
วันนี้เอาน้ำเกลือมาล้างที่ทำงานด้วย ไม่อยากนั่งอยู่บ้านหลายวัน ค้นพบความรู้สึกใหม่ ว่า หากจมูกตันข้างซ้าย เราเอาน้ำเกลือเข้าข้างขวา ถ้าเราก้มหน้าเยอะ น้ำเกลือจะไปด้านหน้าผาก แต่ถ้าเราเอียงหน้าไปทางซ้ายแล้วเงยขึ้นนิดนึง น้ำเกลือจะไหลจากทางขวาไปทางซ้ายได้ลึกสุดๆ 
วันนี้ได้เมือกเหนียวเหลือง อีกก้อนใหญ่ๆ ตอนเที่ยง แปลว่าที่ล้างตอนเช้าๆ ไม่ค่อยจะเข้าไปในโพรงซ้ายซักเท่าไหร่

12 มิย
วันนี้อยู่บ้าน ทำงานจากที่บ้าน ตื่นเช้ามายังมีอาการปวดหน่วงๆ อยู่ตรง turbinate ลามไปถึงดั้ง ล้างจมูกปกติ แต่ตอนพ่นยา พบว่า รูจมูกซ้ายชา ลามมาที่แก้มชา เที่ยงเลยรีบไปหาหมอรุ้ง หมอดูแล้วบอกว่า รูปลักษณ์ของหนองและสีผิวยังไม่แย่ แต่ถ้าคนไข้รูกสสึกปวดและชา ตัวจะรู้ตัวเองดีที่สุด ดังนั้นถ้าคิดว่าชาและปวด อยากได้ยาฆ่าเชื้อจะจ่ายให้เป็นตัว darlfox และให้ pumicot มาเพิ่มอีก 10 หลอด หมอบอกว่าล้างมาดีแล้ว ล้างแบบนี้ต่อไป ล้างเยอะๆ เอะใจคำว่าล้างเยอะๆ กลับมาเลยล้างน้ำเกลือเปล่า แล้วตามด้วยน้ำเกลือยาทุกรอบ ตกเย็นอาการปวดหายไปเกือบหมด น่าจะเป็นเพราะวันนี้ ไม่โดนแอร์เย็น และมีเวลาล้างจมูกบ่อยขึ้น ยาที่ได้มาเลยยังไม่กิน เอาไว้รอดูอีกสักวัน เพราะถ้าเริ่มต้องกินนาน10วัน


13 มิย
วันนี้ทำงานจากบ้านอีกวัน การขนอุปกรณ์ล้างจมูกไปที่งานไม่สะดวกอย่างที่สุด ดังนั้นล้างที่บ้านดีสุด วันนี้เนื่องจากได้ยา pumicot มาถึง 10 หลอด อีกทั้งวันนี้ไม่มี น้ำมูกใหม่เลย จมูกแห้งแทบจะตลอดเวลา เลยผสมยากับน้ำเกลือ 1 ลิตรต่อ 1 หลอดแล้วล้างสดเลย ไม่ได้ใช้น้ำเกลือเปล่าล้างนำแบบวันก่อน 

การล้างจมูกที่ทำให้ มูกเหลือง (รอบนี้เรียกมูก ไม่ใช่เมือก เพราะมันสีขุ่นและเหนียวเป็น ขี้มูก) จากโพรงไซนัสซ้ายหลุดออกมาได้เยอะ เราต้องก้มหน้าขนาดพื้น หันเอียงหน้า 45 องศาไปทางขวา เอาโพรงซ้ายลงพื้น  จากนั้นดันน้ำเกลือเบาๆ เข้าไป ถ้าน้ำเย็น เราจะรู้สึกได้ว่าน้ำเกลือจะไกลไปที่หน้าผากก่อน แล้วค่อยไหลเข้าโพรงแก้มด้านซ้าย ก่อนที่ มูกจะไหลหลุดออกมา แบบง่ายๆ แต่ปัญหาคือถ้าก้มหน้ามากเกินไป จะมีอาการหูอื้อ เหมือนน้ำเข้าหู เลยเกิดความสงสัย

ถาม AI ว่า โพรงไซนัสมีกี่โพรงกันแน่ ได้ความว่าแบบนี้

โพรงไซนัสมี 4 จุดหลัก:

  1. Frontal sinus (หน้าผาก)

  2. Maxillary sinus (แก้ม) ← ของคุณอักเสบข้างซ้าย

  3. Ethmoid sinus (ระหว่างตา)

  4. Sphenoid sinus (ลึกในโพรงจมูก)

โดยโพรงที่มีการอักเสบคือ โพรงแมกซิลลา (แก้ม) มีตำแหน่งรูระบาย (ostium) อยู่ด้านบนของโพรง  ดังนั้น "น้ำจะไม่เข้า-ออกง่าย" ถ้าศีรษะตั้งตรง


ข้อควรระวังในการใช้ท่าก้มลึก:
  • ระวังน้ำเกลือย้อนเข้าหู ถ้าล้างแรงเกินไป

  • ถ้าเกิดหูอื้อ หรือเวียนหัว → ให้เปลี่ยนท่ากลับมาที่ปลอดภัยกว่านี้

  • หากมี “แรงดันในหูชั้นกลาง” หรือประวัติหูอักเสบง่าย → ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ท่านี้ต่อเนื่อง






มูกที่ออกมา มันจะออกมาเป็นก้อนกับน้ำเกลือใสๆ แบบนี้เลย ไม่มีเมือกวุ้นๆ แบบแป้งออส่วน ตีความได้ว่า ไซนัสแห้งแล้ว ที่ออกมาคือของเก่า ที่มันขังอยู่ด้านในลึกๆ ลองเทียบกับรูปแรกบนสุด จะเห็นว่ามูกเหลืองออกมาพร้อมกับเมือกเหลืองและจะออกมาเป็นกองๆทุก2ชั่วโมง ช่วงแรกๆนี่ล้างเท่าไหร่ก้อไม่หยุดมาตลอด ความแปลกคือรอบนี้อักเสบด้านขวาพร้อมกับด้านซ้าย แต่เพราะข้างซ้ายอ่อนแอกว่าเลยเป็นหนักกว่า ก้อนมูกที่เห็นนี้ได้จากข้างขวา

ทำให้ต้องนั่งนึกย้อนกลับไป วันที่3ไปตัดต้นไม้โดยไม่ได้สวมหน้ากาก ต้นมะเหมี่ยวมีเกสรกำลังออกสะพรั่ง ความเป็นไปได้ที่จะสุดเอาเกสรแล้วแพ้ เพราะมันอักเสบที่ไซนัส maxillary ส่วนลึกที่ปกติไม่เคยเป็น ต่อไปต้องระวังตัวเองให้มากกว่านี้




14 มิย
หลังจากใช้น้ำเกลือยาผสมสูตรเข้มข้นขึ้น750ccต่อpumicot 1mg เจลลี่แบร์หลุดออกมา2ตัว ข้างซ้ายตัว ข้าวขวาตัว อาการปวดก้อดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ตัดสินใจไม่กินยาฆ่าเชื้อ อาการปวดชาวันก่อนคือ เจลลี่แบร์มันไปกดด้านในจนชาเพราะมันก้อนใหญ่ ล้างด้วน้ำเกลือธรรมดาไม่หลุดง่ายๆ ที่หลุดเพราะอยู่บ้านล้างถี่ๆ แต่การล้างถี่ๆ ก้อไม่ดี เสียงเปลี่ยน บ่งชี้ว่าล้างมากไป

15 มิย
ไม่เจ็บจมูกแล้ว แต่ยังมีปวดรอบรูหูบ้าง

16 มิย
ไม่มีอาการเจ็บจมูก ไม่ปวดแก้ม ไม่ปวดหู ไม่มีน้ำมูกเลย ล้างแล้วโล่งตลอด แต่ยังรู้สึกจมูกตีบๆข้างซ้ายตรง turbinate อยู่



17 มิย
วันนี้ไปพบหมอ ENT รามา ติดตามการอุบัติซ้ำของมะเร็ง ด้วยการส่องกระจกดูหลังโพรงจมูก ไม่พบการเกิดโรคซ้ำ ถือว่ารอดไปอีก 6 เดือน

กลับบ้านมาคุยกับ chtGPT เรื่องการล้างคอหอยด้วยน้ำเกลือ 



18-20 มิย
ล้างจมูกผสม pumicot เช้าเย็น ลดรอบการล้างลงมาปกติ คือเช้าตื่นนอน และเย็นหลังกลับจากทำงาน ไม่ได้ล้างก่อนนอนเพราะ น้ำเกลือในโพรงจมูกไหลออกไม่หมดเวลานอนแล้ว ค้างในหัวไหลย้อนเลอะเทอะ ช่วงนี้หูดังกุบกับทุกวัน มีอาการตึงๆ ในโพรง maxilary บ้าง แต่แปลกตรงที่เป็นสลับซ้ายบ้างขวาบ้าง ตีความได้ว่า ไม่เกี่ยวกับผลของการฉายแสง

21 มิย
เช้านี้มีน้ำมูกบ้าง แต่เป็นมูกใสปกติ น่าจะเพราะอากาศเย็นจากแอร์ ล้างออกแล้วปกติ อาการตึงๆใน maxilary น้อยลงจนแทบไม่รู้สึกแล้ว อาการหน่วงๆ ตรง turbinate น้อยลงจนต้องสังเกตเยอะ ถึงจะรู้สึก อาการจมูกตันไม่ค่อยมีแล้ว อาจจะเป็นผลของผ้าพันคอ ที่ทำให้จมูกอุ่น ต้องลองบันทึกต่อไป เท่ากับล้างจมูกรวม 14วันกว่า turbinate จะยุบปกติ


22-30 มิย
อาการทรงๆ ค่อนไปทางดี มีปวดไซนัส maxilary บ้างแต่น้อยลงไปเยอะ ยังคงมีรำคาญและกดปวดตรง turbinate รำคาญเหมือนมีแผลด้านใน ความรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่อยากเอามือไปแกะออก

1 กค
ช่วงนี้หูดีที่สุดเลย ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แน่น ล้างคอไม่มีเมือกเหลืองเยอะ มีบ้างบางส่วน
แต่เสียงวี๊ดยังดังตลอดเวลา 24 ชั่วโมง แต่ก้อเบาลงไปเยอะ พอจะนอนหลับสบายไม่รำคาญ

6 กค
เริ่มมีน้ำลาย ขากติดเหลืองนิด จากหลังคอ

7 กค
มีน้ำลายเหลืองเขียวจากหลังโพรงจมูก น่าจะติดเชื้อ แต่คอไม่เจ็บ หูไม่เจ็บ กลั้วคอไปก่อน1วัน รีบนอนพัก

8-9 กค
เจ็บคอ แต่เสมหะเหลือเริ่มใส น้ำมูกเริ่มเยอะ การ์มินบอกว่า HRV ตกเหลือ 33 จากค่าเฉลี่ย 37 แปลความว่าไม่สบาย พักวิ่งพักเดิน แล้วรีบนอนเยอะๆ กินยาแก้แพ้ ติดกันสามวัน 7/8/9 ยาแก้แพ้ช่วยเรื่องจมูกบวมตันได้ดีพอสมควร

10-11 กค
เสมหะเริ่มลดลง สีเหลืองใส ไม่ข้น ไม่เขียวแล้ว อาการง่วง น้อยลง มีแรงมากขึ้น การ์มิน HRV กลับมาที่ 36 แล้ว เริ่มกลับมาเดินออกกำลังตอนเย็นใหม่

18 กค
วันนี้ปากแห้งมาก แห้งมาสองวันแล้ว แห้งแบบแห้งผาก แต่เป็นอาการเหมือนปกติย้อนไปปีก่อนเลย เหมือนในปาก ในจมูกจะไม่มีเมือกอะไรเหลือแล้ว จมูกก้อเริ่มไม่ตัน แต่ turbinate ยังรู้สึกเหมือนมีแผลอยู่ หูมีเสียงวี๊ดดังมาก ลิ้นเค็มเยอะ 
แต่ก้อมีจุดเปลี่ยนแปลกคือ เริ่มอยากกินอาหาร กินข้าวแล้วเริ่มรู้สึกอร่อย ทั้งสองมื้อเลย จะเรียกว่าปกติแล้วไหมนะ

.

Friday, June 6, 2025

เป้าหมายการฟื้นฟูร่างกาย

รอบนี้น่าจะหายติดเชื้อแล้วคงต้องมาฟื้นฟูร่างกายจริงจัง ดูแล้วภูมิทำงานไม่ค่อยดีเลย



ตั้งเป้าหมายจากวันนี้จนถึงสิ้นปีคือ

👉 เพิ่มน้ำหนัก

👉 ไม่กินอาหาร UPF

👉 เลือกอาหารแบบ Low GI (ดัชนีน้ำตาลต่ำ)

เป้าหมายนี้ช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และทำให้ร่างกายใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เดินออกกำลังวันละ 30นาที พร้อมท่ายืดเหยียด


 🔥 สรุปประเด็นร้อน: เพิ่มน้ำหนัก โดยไม่พึ่ง UPF

❌ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง (UPF ที่มักเจอ)

-ไส้กรอก แฮม เบคอน

-ขนมขบเคี้ยว ขนมกรุบกรอบ

-น้ำอัดลม เครื่องดื่มผสมน้ำตาล

-อาหารแช่แข็งสำเร็จรูป (พาสต้า เบอร์เกอร์ กล่องแช่แข็ง)

-ขนมปังขาว ขนมเค้ก คุกกี้จากร้านสะดวกซื้อ


🍽 แนวทางกิน Low GI + ไม่ใช่ UPF + เพิ่มน้ำหนัก

🥣 แหล่งคาร์โบไฮเดรต Low GI:

ข้าวกล้อง, ข้าวไรซ์เบอร์รี่

ข้าวโอ๊ต (แบบ steel-cut)

มันเทศ, ฟักทอง

ขนมปังโฮลวีทแท้ 100% (ทำเองยิ่งดี)

ถั่วต่าง ๆ (ถั่วแดง, ถั่วลูกไก่, ถั่วเขียว, ถั่วดำ)

ควินัว


🥚 แหล่งโปรตีนธรรมชาติ:

ไข่, อกไก่, ปลา, เต้าหู้, ถั่วเหลือง

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (ไม่หวาน)

เวย์โปรตีน (แบบไม่มีน้ำตาล/รสชาติ)

ใช้ธัญพืชไม่ขัดสี

กล้วย+นม+เนยถั่ว (แบบไม่มีน้ำตาล)


🥑 ไขมันดี:

อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว

งาคั่ว

ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์

ใช้ไขมันดีแทนเนยเทียม/มาการีน


🧾 เมนูตัวอย่าง 1 วัน: Low GI + Clean + เพิ่มน้ำหนัก

เช้า ข้าวกล้อง 1 ถ้วย + ไข่ดาวน้ำ 2 ฟอง + อะโวคาโดหั่น + กล้วยหอม

ว่างเช้า ข้าวโอ๊ตต้มใส่นม + ถั่วแดงต้ม

กลางวัน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ + อกไก่ย่าง + ฟักทองนึ่ง + แตงกวา

ว่างบ่าย โยเกิร์ตรสธรรมชาติ + อัลมอนด์ + กล้วย

เย็น มันเทศนึ่ง + ปลาย่าง + ไข่ต้ม + ผักนึ่ง

ก่อนนอน นมอุ่น + เนยถั่วธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ


🍴ตัวอย่างเมนูอาหารเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    ข้าวกล้อง ต้มซุปไก่มะเขือเทศ ปลานึ่งซีอิ๊วใส่ขิงและเห็ดหอม ฝรั่ง 
ต้มซุปไก่มะเขือเทศ
    •    เนื้อไก่ เป็นแหล่งของโปรตีนและสังกะสี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    •    มะเขือเทศ มีวิตามินซี ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และมีไลโคปีน ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย  
    •    แคร์รอต มีวิตามินและเบต้าแคโรทีนสูง ต้านการอักเสบ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    •    หอมหัวใหญ่ มีสารเควอซิทิน (Quercetin) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยบรรเทาอาหารหวัด คัดจมูก
ปลานึ่งซีอิ๊วใส่ขิงและเห็ดหอม
    •    เนื้อปลา เป็นแหล่งของโปรตีนและสังกะสี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    •    เห็ดหอม มีเบต้ากลูแคน ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
    •    ขิง มีสารจินเจอรอล (Gingerol) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ  กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ฝรั่ง มีวิตามินซีสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

.

Thursday, June 5, 2025

โปรดอย่าเป็น… โรคกตัญญูเฉียบพลัน 🥀

 


https://www.facebook.com/share/p/16HyBrjiog/

โปรดอย่าเป็น… โรคกตัญญูเฉียบพลัน 🥀


“คนอยู่ไกล”… มักมีความรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ

วันเวลาผ่านไป… เห็นพ่อแม่แก่ลงผ่านรูปถ่าย

ได้แต่โทรศัพท์บ้าง เงียบหายบ้าง


แต่ในวันที่ได้ยินข่าว… “พ่อไม่สบาย” หรือ “แม่ป่วยหนัก”

ความรู้สึกผิดก็โถมเข้าใส่

รีบวิ่งกลับมา… พร้อมกับ “ความกตัญญูเฉียบพลัน” ที่มาเต็มเปี่ยม


อยากรักษาทุกอย่าง อยากยื้อทุกนาที

แม้กระทั่ง “ต้องต่อเครื่องช่วยหายใจ” ต้องทำ “การฟื้นคืนชีพ” (CPR)

แม้ความจริง… พ่อแม่เองอาจไม่ได้ต้องการอะไรนอกจาก ความสงบในบั้นปลาย


 🧠 ความจริงทางการแพทย์:

งานวิจัยทางเวชศาสตร์ผู้สูงวัยระบุว่า

การยื้อชีวิตในผู้ป่วยสูงวัยระยะท้าย (End-of-life)

มักส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทางกายและจิตใจมากขึ้น

ทั้งจากเครื่องช่วยหายใจ การสวนสาย การกดหน้าอก

โดยไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


อย่าให้ความรู้สึกผิดตอนท้ายทาง…

กลายเป็นการยืดเวลาความทรมานของคนที่เรารัก


คนที่อยู่ใกล้… ที่เห็นพ่อแม่เจ็บปวดเรื้อรังมาเป็นปี ๆ

เขาไม่ได้หมดรัก… ที่เขาไม่อยากยื้อ

เขาเพียงแค่อยากให้ท่าน จากไปอย่างสงบ ไม่เจ็บ ไม่ทุกข์


 ✨ “การดูแลที่ดีที่สุดในวาระสุดท้าย” คือ

การตั้งผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-Centered Care)

ฟังเสียงของเขา… ไม่ใช่เสียงของความรู้สึกผิดของเรา


 📚 แนวคิด Palliative Care (การดูแลแบบประคับประคอง):

เน้นการดูแลรักษาความสุขสบาย ไม่ยื้อชีวิตด้วยเทคโนโลยีอย่างไร้เป้าหมาย

แต่ให้การจากลาเป็นไปอย่างสงบ มีศักดิ์ศรี และมีความรักโอบล้อม


บทเรียนที่อยากฝาก…

 • ก่อนจะตัดสินใจยื้อชีวิต ถามใจตัวเองสักนิด:

ท่านอยากอยู่… หรือเราอยากให้ท่านอยู่เพราะเรายังไม่พร้อมเสียเขาไป?

 • ก่อนจะรักษาเต็มพิกัด ถามหมอสักนิด:

รักษาเพื่อหายจริง หรือรักษาเพื่ออยู่ต่ออย่างทรมาน?

 • ก่อนจะสั่ง CPR ยื้อชีวิต

ถามตัวเองด้วยหัวใจ:

ท่านจะได้กลับบ้าน หรือได้แค่นอนกับเครื่องมือเต็มตัวใน ICU ?


พ่อแม่ทั้งชีวิต… ไม่เคยขออะไรมากกว่าความสุขของลูก

ในวาระสุดท้าย… ท่านก็ไม่ขออะไรมากกว่าการจากไปอย่างสงบเช่นกัน 🕊️


รักให้ถูก รักให้พอดี

อย่าให้ “ความกตัญญูเฉียบพลัน”

ทำให้คนที่เรารัก ต้องเจ็บจนถึงนาทีสุดท้าย


#หมอเก่ง

#โรคกตัญญูเฉียบพลัน

#วาระสุดท้ายอย่างสงบ

#PalliativeCare

#รักที่ไม่ทำให้เจ็บ

#ฟังนะ


ด้วยรัก


นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง)

อายุรแพทย์

โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home International


🏥 สอบถามรายละเอียด / นัดหมาย 👇🏼

☎️ 𝐓𝐞𝐥 : 𝟬𝟴𝟰𝟮𝟲𝟰𝟮𝟲𝟰𝟲

💚 𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://lin.ee/M3iUqHe

📲 𝗜𝗚 : instagram.com/cherseryhomehospital

🌐 𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 : www.cherseryhome.com

📱 𝗧𝗶𝗸𝘁𝗼𝗸 : https://www.tiktok.com/@cherseryhomeofficial

Sunday, May 25, 2025

NPC ตอนที่ 46 ติดเชื้ออีกแล้ว รอบนี้ 50วัน

 25 พค

จากวันที่ 5 เมษา ถึงวันนี้คือ 50 วัน กลับมาติดเชื้ออีกแล้ว แต่รอบนี้ไม่รุนแรง น่าจะติดเชื้อตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนด้วยซ้ำ จุดสังเกตุคือ ตอนเช้าขาก น้ำมูกหลังคอ ได้น้ำมูกออกมาผสมกับก้อนสีเหลืองแกมเขียว ลักษณะไม่เหมือนเสมหะแต่เป็นเหมือนเมือกน้ำเหลืองสะสมจับตัวกันเป็นก้อนมากกว่

ตอนเย็นจึงรีบไปหาหมอกลัวว่าจะติดเชื้ออีก และก็เป็นอย่างที่คิดคือมีน้ำเมือกเหลืองและผนังจมูกแดง หมอให้ยาซิโทแมก บอกว่าลองเปลี่ยนกลุ่มยาดูบ้างเพราะอาการไม่รุนแรง อาจจะเป็นเชื้อที่หลงเหลือจากกลุ่มยารอบที่แล้วที่แล้วไม่รองรับ กินครั้งละสองเม็ดจำนวนสามวัน แล้วอาทิตยห์ลองสังเกตอาการใหม่





วันนี้ต้องส่องกล้องสองรอบ รอบแรกใช้กล้องแบบท่อเหล็ก เสียบเข้าไปเจ็บมาก จนร้องขอให้หมอช่วยเปลี่ยนเป็นท่ออ่อน กล่องท่อเหล็กเวลาหมองัดเพื่อหามุมส่องมันจะไปเบียดเนื้อเยื่อทีบวมแล้วเจ็บแบบเหมือนกดแผลที่เป็นหนอง

หมอแจ้งว่ากล้องมีสองแบบ แบบท่อเหล็กจะเหมาะกับการสอดแบบสองข้างเพื่อตัดชิ้นเนื้อหรือดูดแผลดูดหนอง ส่วนท่ออ่อนจะทำได้แค่ดูอย่างเดียว

ตกค่ำส่องหู หูปกติ ไม่แดงไม่มีน้ำ


จมูกข้าง Right 





จมูกข้าง Left
จะเห็นเมือกเหลืองตรงปลายท่อปรับแรงดัน เมือกเหลืองนี้ที่พยายามล้างทุกวันไม่ให้มีอะไรไปอุดแล้วหูเป็นน้ำนี่เอง แต่ผนังแดงมากเลย หมอแจ้งว่ายังไม่เห็นมะเร็งนูนๆ น่าจะติดเชื้อแค่นั้น




26 พค

เช้านี้เมือกเหลืองใสหนา ออกมาเยอะมากขึ้น ลักษณะเป็นกระจุกสีเข้มเหมือนวุ้น แต่ไม่เป็นสีเขียว 

ค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าให้เดาจากอาการตัวเองคือเป็นน้ำจากในหูไหลลงมา เพราะหูมีอาการปวดกล้ามเนื้อตึงๆรอบรูหูมาหลายวันแล้ว คงเป็นอาการอักเสบแบบไหนสักอย่าง ประกอบกับช่วงนี้ไม่ค่อยได้ใส่หมวก  เนื่องจากอากาศร้อน แต่พอมีฝนตกทำให้อากาศเย็นแบบไม่รู้ตัว ทำให้ลืมใส่หมวกหลายครั้ง มีอาการเจ็บตึงเพิ่มขึ้นที่รูท่อปรับแรงดัน ตรงกับอาการเมือกเหลือง

การล้างน้ำเกลือช่วงหลังๆ ก้อหย่อนยาน ล้างแค่คอไม่ได้หงายเยอะให้ถึงท่อปรับแรงดัน เช้านี้ เงยหน้าเยอะๆเหมือนที่เคยทำ ได้น้ำเมือกเหลืองออกมาอีกพอสมควร

28 พค

กินยาครบไปแล้ว3รอบ เช้านี้ น้ำมูกเมือกใสๆจากไซนัส ลดลงแทบไม่มีแล้ว อาการปวดรอบรูหูหายแล้ว ปวดturbinate หน่วงลดลง แต่ยังเหมือนมีอะไรตันอยู่บางครั้ง เมือกเหลืองหลังคอหายไปแล้ว 

29 พค

ปวดตึงๆรอบหู กลับมาอีกแล้ว แต่ยังสังเกตุน้ำมูก ลักษณะน้อยลงไม่เป็นเมือกวุ้นใหญ่ๆ ไม่พบเจอเมือกเหลือง  หูมีอาการกุบกับเวลาหายใจ มีเสียงวีดกลับมาชัดเจน

หมายเหตุ

  • เมือกวุ้นคือน้ำมูกจากโพรงไซนัส แต่มาเยอะๆ จับเป็นกองๆ ส่วนมากจะเจอตอนแพ้อากาศรุนแรง
  • เมือกเหลืองคือเซรั่ม จากโพรงหู ไหลผ่านท่อปรับแรงดันจะไหลออกมาเป็นแผ่นๆ หรือเป็นริ้วๆ ปะปนในน้ำมูกหลังคอ

วันนี้ไปพบหมอฉายแสงด้วย 

  • หมอคลำต่อมน้ำเหลืองบอกว่ายังไม่เจอก้อนโต พังผืนแถวๆคอถือว่าน้อยๆมาก เมื่อเทียบกับคนอื่น
  • ค่าไทรอยด์ยังปกติ แต่ต้องติดตามต่อไป โดยมากเกือบทุกคน หลังฉายแล้ว ต่อมไทรอยด์จะมีอาการฟ่อลงเพราะแสงรังสี ผลกระทบคือต่อมไทรอยด์จะผลิตฮอร์โมนลดลง และต้องกินยาไปตลอดชีวิต
  • แจ้งคุณหมอเรื่องหูอักเสบ จมูกอักเสบ หมออธิบายว่าเป็นผลจากรังสีไปฉายโดนท่อปรับแรงดัน ทำให้ท่อบี้แบนและทำให้น้ำระบายไม่ออก

ข้อมูลเสริมจากอินเตอร์เน็ต

  • รังสีทำลายเซลล์ผลิตฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ และเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงต่อม ทำให้การผลิตฮอร์โมน T3/T4 ลดลง
  • ปริมาณรังสีเฉลี่ย (Mean Dose) ที่ต่อมไทรอยด์ ≥ 45 Gy เพิ่มความเสี่ยงภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ
  • ตรวจเลือดวัด TSH, Free T4 ทุก 6–12 เดือน นานถึง 5 ปี หลังรักษา หากพบ TSH สูง (>4.5 μIU/mL) ร่วมกับ Free T4 ต่ำ ให้เริ่มฮอร์โมนทดแทนทันที
  • อัตราการเกิดภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ
    • 34.8% ใน 12 เดือนหลังรักษา
    • 28.6% ใน 24 เดือนหลังรักษา
    • 19.1% ใน 10 ปีหลังรักษา
  • สังเกตอาการต่อไปนี้ เหนื่อยง่าย น้ำหนักขึ้น ทนหนาวไม่ได้ ผิวแห้ง ซึ่งเป็นสัญญาณไทรอยด์ทำงานต่ำ

30 พค
ปวดจมูกหนักขึ้น ปวดหูร่วมด้วย บ่ายรีบไปหาหมอ หมอให้ยาเดิมมากินอีก1ชุด หมอบอกว่าปกติกิน3วัน จะมีผลทำงาน5วัน ยังพอกินซ้ำตัวเดิมได้

2 มิย

กินยาชุด2 หมดไปแล้วเมื่อวานเย็น วันนี้น้ำมูกลดลงไปเยอะ ล้างจมูกแล้วเหลือไม่เยอะ แต่ยังมีปวดหูนิดๆ ปวด turbinate ตึงๆ แต่เริ่มไม่รำคาญติ่งจมูกตันเท่าไหร่แล้ว ประมาณว่าบวมน่าจะลดลง ไม่มีเมือกเหลืองแล้ว ล้างคอก้อไม่ค่อยมีเมือกเหนียวค้าง


5 มิย

วันนี้ไม่ค่อยปวดหูแล้วเหลือตึงๆรอบหูนิดหน่อย ไม่ปวดจมูกด้วย แต่ยังแน่นรูจมูกด้านใน ไม่มีน้ำมูกแล้ว ไม่มีเมือกเหลืองแล้ว น้อยจนลืมล้างจมูกตอนเช้า





.

Saturday, April 5, 2025

NPC ตอนที่ 45 สิ้นสุดการเดินทางแบบปลอดเชื้อ 4 เดือน

 5 เมษา

สิ้นสุด ระยะทางปลอดเชื้อ 138 วัน นับจาก 19พย

เย็นวันนี้ เสมหะเขียวเรียบร้อย

มีอาการปวดหู หน่วงๆชัดเจน อาการเจ็บคอยังเหลือนิดหน่อย

แต่รอบนี้รู้ว่าติดเชื้อเพราะติดหวัด ยังคิดว่าขั้นตอนที่ทำยังใช้ได้



6 เมษา

วันนี้เริ่มเขียวเข้มมากขึ้น หลักๆ เหมือนจะมาจากไซนัสด้านซ้าย เจ็บแถวๆ ท่อยูสเตเชียน ลามไปที่กล้ามเนื้อรอบรูหู อาการนี้เหมือนย้อนไปเดือน มกรา ปีที่แล้ว ที่ตายใจไม่ได้รีบไปหาหมอ ดังนั้นวันนี้ตอนเย็นจึงรีบไปหาหมอ สรุปความเห็นตรงกันว่าไม่รอด เอายาไปกิน แต่รอบนี้หมอบอกว่า หูแห้งเชื้อไม่ลามเข้าหู ดูสภาพไม่แย่ เหมือนปีที่แล้วนะ เอา darflox ไปกิน 10 วัน ดูแลตัวเองต่อไป

ครั้งล่าสุดที่กินคือ 19 พย ระยะห่างคือ 138วัน มากที่สุดที่ทำได้



7 เมษา
กินยาได้1วัน วันนี้เสมหะจับตัวเป็นก้อนขุ่นๆแข็งๆ

8 เมษา
วันนี้ เสมหะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองก้อนขุ่น ยังมีอาการเจ็บคออยู่ 

9 เมษา
วันนี้ อาการเจ็บลดลงแล้ว ตรงตามตารางที่เคยกินคือ 3วัน อาการเจ็บต้องหาย ที่ผ่านมา ถ้าไม่หาย อนุมานได้ว่า ยาไม่ได้ผล ต้องรีบคิดว่าจะทำอะไรต่อ อาการเจ็บพอลดลง พอจะสามารถจี้ได้ว่าเจ็บที่จุดปลายท่อ ยูเสตเชียนเลย แปลว่ามันอักเสบจุดเดิมๆ ตลอด

ส่วนเสมหะเปลี่ยนจากเหลืองก้อนขุ่นเป็น เหลืองใส เริ่มจินตนาการเอาเองว่า ถ้าเปรียบเป็นแผลสด เสมหะเหลืองรอบแรกๆ น่าจะเหมือนกับน้ำเหลืองรอบแผล พอทิ้งระยะเริ่มเป็นหนองขุ่น พอกินยาฆ่าเชื้อ หนองหาย แต่แผลยังไม่หายเลยมีน้ำเหลืองไหลประปราย เด่วไปหาข้อมูลมาประกอบการจินตนาการ

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก gemini
  • สีเขียว: มักเกิดจากเอนไซม์ myeloperoxidase ที่สร้างจากเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิล ซึ่งบ่งชี้ถึงการต่อสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • สีเหลืองขุ่น: ยังคงมีเม็ดเลือดขาวที่ตายแล้วและสารคัดหลั่งอยู่ แต่ปริมาณเชื้อแบคทีเรียอาจลดลง
  • สีเหลืองใส: บ่งชี้ว่าการอักเสบลดลง และอาจมีเมือกปกติมากขึ้น
  • สีใส: โดยปกติเสมหะจะมีสีใส

  • 10 เมษา
    คอยังเจ็บอยู่ เสมหะมีสีเหลืองเข้ม แต่น้อยลงเหลือแค่ก้อนละ1-2มิล ต้องคอยนวดคอให้ก้อนเมือกหลุดออกมาง่ายขึ้น


    11 เมษา
    วันนี้เสมหะขาวแล้ว คอเจ็บน้อยลง แต่ยังมีอาการเจ็บรอบหูอยู่บางจังหวะ อาการเจ็บคอส่วนใหญ่คือมีก้อนเสมหะติดที่ปลายท่อ ต้องล้างจมูกแบบให้ไหลลงหลังคอ จะมีก้อนเสมหะแข็งๆสีเข้มๆหลุดออกมาชิ้นเล็กๆ


    12เมษา
    คอไม่เจ็บแล้ว

    2 พค
    น้ำลายผนังคอมีสีเขียว ปากเป็นแผลร้อนใน
    คันตามาก จนต้องกินยาแก้แพ้
    อาจจะเพราะลางานไป รพ และเมื่อวานเป็นวันหยุดจึงไม่ได้กลั้วน้ำเกลือบ่อยๆ 
    จมูกด้านซ้ายบวมตุ่ยๆ

    3 พค
    น้ำลายผนังคือมีปริมาณสีเขียวน้อยลง 
    พยายามกลั้วคอให้ลึกด้านใน

    5 พค
    เช้ามา น้ำลายจากผนังจมูกไม่เขียวแล้ว
    หมายเหตุ น้ำลายผนังคอมันจะเหนียวติด ต้องใช้แรงขากเยอะ แต่น้ำลายผนังจมูก จะขากเหมือนสั่งน้ำมูก บางครั้งตัวที่เหนียวแห้งมันจะไม่ออกมาให้เห็น แต่เมื่อคืนล้างจมูก จึงคิดว่าน่าจะไม่มีแล้ว

    11 พค

    จมูกส่วน inf turbinate บวม เจ็บหน่วงๆ ตุบๆ มาหลายวัน ไปหาหมอ ได้ยาใหม่ dymista มาลองใช้ หมอยังไม่ให้ยาฆ่าเชื้อ ลองล้างพ่นจมูกไปก่อน




    12-17 พค
    มีน้ำมูกค้างในจมูกเยอะ เหมือนอาการแพ้ตลอดเวลา ต้องล้างจมูกเช้าเย็นเพื่อให้จมูกไม่ตัน หายใจโล่ง

    18-23 พค
    อาการน้ำมูกเยอะเริ่มลดลง ล้างจมูกได้ง่ายขึ้น อาการปวดยังมีอยู่ แต่ปวดน้อยลง เหลือปวดตึงๆแทน

    24 พค

    จมูก turbinate ยังปวดตึงเล็กน้อย เอาไฟส่องดู อาการบวมเหมือนจะลดลง แต่ยังหายใจขัดๆตันๆอยู่ 


    .

    Thursday, February 20, 2025

    NPC ตอนที่ 44 ติดตามอาการเดือน กพ และ มีนา

     20 กพ

    วันนี้มีนัดกับหมอคีโม หมอเช็คค่าเลือดไทรอยด์ปกติแต่ค่สไตสูง 1.13 จากรอบก่อนเดิมอยู่ที่ 0.99 


    21 กพ

    คันเหมือนแพ้ฝุ่น ยิบๆ ไปทั่วหย่อมๆ แต่ไม่ได้คันเฉพาะจุดเหมือนตอนปีก่อน ไม่ได้กินยาเพราะไม่ได้แพ้แบบมีน้ำมูก


    22 กพ

    ผลตากแพ้ฝุ่น วันนี้จมูกบวมตัน หายใจไม่ถนัด ต้องจัดยาแก้แพ้ด่วนๆ อาการแบบนี้ต้องกินสองวัน ถ้าช้ากว่านี้ มักจะมีน้ำในหูมา



    26 กพ

    เช้านี้อากาศเย็น 24องศา หล่นวูบจากเมื่อวาน 29องศา ตื่นมาจมูกตัน รีบล้างจมูก + พ่นยา +ใส่หมวกไหมพรม ตอน 0700 จมูกโล่งละ ไม่รู้หมวกช่วยได้แค่ไหน แต่จากการลองหลายๆ รอบ ช่วยได้เลย 

    อาการที่มีคือมีเสียงในหูแป๊ะๆๆๆ แต่ไม่มีเสียงกุบกับ ไม่มีเมือกหู จากการบันทึก พอจะสรุปได้ว่า เสียงแป๊ะๆ จะมาตอนอากาศเย็น ส่วนเสียงกุบกับ จะมาตอนแพ้ฝุ่น แต่ทั้งสองอย่างสร้างเมือกหูได้เหมือนกัน การใส่หมวกลดการสร้างเมือกหูได้ ทำให้มีเวลาระบายออกมาตอนแปรงฟัน


    28 กพ

    ตื่นเช้าจมูกบวมที่เดิม ตันด้วย รีบล้างจมูก บีบน้ำเบาๆ น้ำไม่ทะลุออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช้หลอดฉีดยา คงบีบดันมันเข้าไป แต่ตอนนี้ถ้ามันบีบไม่เข้า ให้เอาน้ำออกข้างเดิม แต่ทำซ้ำๆ จนมันละลายแล้วไหลโล่งอีกข้าง จะใช้น้ำเยอะกว่าก่อน แต่น้ำไม่ค้างในหู จากนั้นพ่นยา และแถมด้วย อิลิอาดิน ใช้เวลาไม่นานจมูกบวมยุบ หายใจโล่ง กินยาแก้แพ้ไป 1เม็ด


    2มีค

    วันนี้หูปกติแล้ว ไม่มีน้ำ ไม่ปวด ไม่ดังวี้ด ไม่มีเสียงแป๊ะ มีเสียงกุบกับ บางจังหวะ ตามเวลากลืนน้ำลาย แต่ไม่รุนแรง  อาการพวกนี้ ถ้ามาเร็วแล้วจัดการไว จะหายไปค่อนข้างเร็ว

    7มีค

    ตื่นเช้ามาจมูกตัน เลยล้างจมูก แต่ดูแล้วไม่บวม เลยไม่ได้พ่นยา ถ่ายรูปหูแล้วไม่มีน้ำขัง อาการอื้อไม่มี แต่มีเสียงวี๊ด ตลอดเวลา


    12มีค

    วันนี้มีเสียงแป๊ะๆ ในหู และมีหูกุบกับเล็กน้อย หูยังไม่อื้อ  ฝุ่นวันนี้ PM2.5 = 9 แปลว่าไม่เกี่ยวกับฝุ่น ดังนั้นเฝ้าระวังไปก่อน ยังไม่คันตัว


    16 มีนา

    เมื่อวานไปกินข้าวเดินไบเทค แอร์เยนลงหัว ไม่ได้ใส่หมวก เช้านี้ตื่นมา จมูกตัน รีบล้างจมูกช่วยได้พอสมควร

    วันนี้ครบ4เดือน ไม่ติดเชื้อหูไม่อื้อ เรามาลองทบทวนอาการและสาเหตุกันอีกรอบ

    • สาเหตุของการติดเชื้อหลักๆน่าจะมาจาก อาหารหมักหมมที่ลำคอด้านใน ซึ่งต้นเหตุมาจากน้ำลายเหนียวข้น การใช้น้ำเกลือกลั้วล้างคอบ่อยๆ ช่วยจุดนี้ได้มาก
    • สาเหตุของการมีน้ำในหูหลักๆน่าจะมาจาก ไซนัสอักเสบและสะสมน้ำเข้าไปที่หูชั้นใน สังเกตุได้ว่า การมีน้ำในหูไม่ได้ส่งผลติดเชื้อโดยตรง แต่80%เกิดหลังจากเป่าลมไล่น้ำ บางครั้งมีน้ำค้างนานหลายอาทิตย์แต่ไม่ติดเชื้อ บางครั้งห่างจากหยุดยาแค่ไม่กี่วัน
    • เหตุการณ์บังเอิญตอนเดือน พย ที่มีลมหนาวมา ทำให้น้ำมูกไหลทุกวัน จึงเอาหมวกไหมพรมมาใส่ บังเอิญสังเกตุได้ว่า หากใส่ต่อเนื่องหลายวัน นอกจากน้ำมูกจะลด น้ำในหูลดลงด้วย สังเกตได้จาก เมือกเหลืองจะออกมาตอนกลั้วคอเรื่อยๆทุกวัน
    • การใส่หมวกไม่ได้ทำให้ ไม่มีน้ำในหู แต่ทำให้การเติมน้ำในหูลด ใช้ประกอบกับการล้างคอให้น้ำลายเหนียวน้อย และระบายน้ำในหูไปเรื่ ยๆ ปริมาณสะสมจะค่อยๆลด

     ปัญหาหูเริ่มคลี่คลาย ปัญหาฟันเริ่มมาใหม่ ค่อยๆแก้กันไป


    20 มีนา

    เมื่อวานน้ำมูกไหลเยอะ เช้านี้ฝุ่นเยอะอีก ตื่นมาหูมีเสียงกุบกับ แต่ยังไม่อื้อ

    21 มีนา

    หูกุบกับ จมูกน้ำมูกไหล นวดคอ กลั้วคอ มีน้ำไหลลงคอแต่ตรวจจับสีเหลืองไม่ได้ น่าจะเป็นน้ำมูก มากกว่าน้ำหู ส่องกล้องหูแห้งดี

    22 มีนา

    วันนี้ pm 50+ ตื่นมาน้ำมูไหลจมูกตัน ต้องล้างจมูก แต่หูไม่มีเสียงกุบกับแล้ว

    23 มีนา

    วันนี้ pm 70+ น้ำมูกไหลแต่จมูกไม่ตัน หูไม่อื้อ ไม่มีเสียงกุบกับ แต่คันตา

    24 มีนา

    เมื่อคืนนอนตะแคงซ้าย หลับนานไปหน่อยตื่นเช้ามากกหูรั้งตึง เสียงกุบกับดัง และคอซ้ายตึง น่าจะพวกพังผืดรั้ง

    25 มีนา

    คนที่บ้านเป็นหวัด มาดูกันว่ารอบนี้จะรอดจากการติดเชื้อไหม จะแยกห้องนอนสักพัก

     26 มีนา

    เมื่อคืนอาบน้ำ ทำน้ำเข้าหู เช้ามาปวดหูหน่วงๆ ทบทวนดูก้อไม่ได้นอนทับหู ไม่แน่ใจว่าปวดกล้ามเนื้อรอบหูจากวันก่อน หรือต้องเฝ้าระวังว่าจะเป็นแบบติดเชื้อหรือไม่ เฝ้าดูกันต่อไป

    ทำน้ำเข้าหู ถ่ายรูปไว้

    +




    เช้ามาแห้งแล้ว

    +


    27 มีนา

    ดูท่าทางปลอดภัย ยังไม่มีอาการติดเชื้อ ย้ายกลับมานอนห้องปกติแล้ว

    28 มีนา

    เช็คพอร์ย เดือนนี้ลำไส้ทำงานปกติแล้ว กินไบโบติคมาหลายเดือน ตอนนี้กินเมดฟ้าได้หลายวันโดยไม่ต้องพึ่งเม็ดเขียวตลอดเหมือนช่วงแรก

    30 มีนา

    ไม่รอด+-+ นับได้ 3วันจากวันที่ 27

    วันนี้เจ็บคอ คายน้ำลายมีก้อนสีเหลืองนิดๆ แต่ยังไม่เขียว ตอนเย็นไปหาหมอหมอบอกว่าอาการยังไม่ชัด น่าจะติดไวรัสก่อน จะกินยาฆ่าเชื้อเลยไหม ตัดสินใจไม่กิน อยากพักยาให้ได้ 6เดือน แต่ขอเป็น เบตาดีน กาเกิ้ล มากลั้วคอ สมมติฐานคือถ้าเป็นไวรัสเล่นงาน เรากลั้วคอกันไม่ให้แบคทีเรียโจมตีเพิ่ม สองสามวัน น่าจะหาย ถ้าไม่หายค่อยกินยา

    31 มีนา

    เช้ามาเสมหะจับตัวเป็นก้อน แต่เป็นสีเหลืองๆ เยอะในตอนเช้า แต่สายๆ บ่ายไม่มี อาการเหมือนเป็นหวัด คอยังเจ็บอยู่ พยายามกลั้วคอให้บ่อยขึ้น จับตาดูอีกสักพักว่าจะเป็นอย่างไร

    1 เมษา

    เช้ายังมีเสมหะขุ่นเหลือง ไม่เป็นสีเขียว คอยังเจ็บจี๊ดอยู่ พยายามกลั้วคอด้วยไอโอดีนตลอด ความเจ็บลดลงบางส่วนแล้ว มีอาการเจ็บในรูหูบางครั้ง มีเสียงแป๊ะๆ มาตอนเช้า แต่ยังหูไม่อื้อ บ่ายๆ มีน้ำลายเหลืองคล้ายน้ำระบายจากหูมากกว่าเป็นเสมหะ

    2 เมษา

    คอเจ็บเหลือไม่เยอะแล้ว เสมหะไม่มีแล้ว หูเจ็บลดลงแล้ว สีเสมหะไม่เขียว เดินหน้าล้างคอต่อไป





    .

    Wednesday, January 1, 2025

    NPC ตอนที่ 43 เริ่มต้นปี กับการพบแพทย์ ENT

    3 มค
    หูยังคงแห้งดี เวลาเคี้ยวเวลากลืนจะมีเสียงกรอบแกรบ ซึ่งตอนนี้ถ้ามีเสียงกรอบแกรบสามารถใช้เป็น indicator ว่าหูแห้งดี

    4 มค
    คอเจ็บแสบ ใช้น้ำเกลือล้างให้บ่อยขึ้นพ่นยาคามิโลซานช่วย เสมหะเหลืองนิดๆ

    5 มค
    คอไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องยา

    7 มค
    มาพบหมอ ent ที่รามา หมอถามว่าหูเป็นไงบ้าง เล่าให้ฟังว่าตอนนี้ใส่หมวกลดน้ำมูกและล้างคอด้วยน้ำเกลือ ตอนนี้หูแห้งดี มาสองเดือนแล้ว หมอบอกว่าน่าสนใจ ให้ทดลองทำ6เดือน คราวหน้ามาบอกด้วย

    9มค
    เมื่อวานนี้ตอนเย็นหลังกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ก็มีน้ำลายที่จับตัวเป็นก้อนหยุ่นๆหลุดตามออกมา เป็นก้อนสีขาวขุ่น ซึ่งสีไม่คล้ำเหมือนรอบก่อนๆแล้ว ตำแหน่งที่หลุดยังคงมาจากผนังคอด้านใน ซึ่งทำให้เกิดคำถามก่อนนอนว่า ปกติแล้วน้ำลายเป็นใสๆเหนียวๆ ถ้ามันจับตัวก็น่าจะเป็นเมือกวุ้นๆ แต่ทำไมน้ำลายที่หลุดออกมาถึงเป็นก้อนหยุ่นๆเหมือนยางลบได้ เลยมาค้นหาในเวบและสอบถาม chatGPT ให้ลองสร้างรูปและประเมินตำแหน่งที่จะทำให้น้ำลายสะสมจะเป็นก้อน

    ได้ออกมา3รูป และตำแหน่งที่คาดคะเนคือ Posterior Pharyngeal Wall ทั้งนี้ได้เห็นตำแหน่งของท่อยูสเตเชียนมาด้วยในรูป เลยถึงบางอ้อเลยว่า ที่ผ่านมาเวลาปวดหู มักจะชอบนวดคอด้านซ้าย หลังกกหูปลายกราม เพราะเวลานวดแล้วจะช่วยให้ลดหูอื้อได้เร็ว หรือบางครั้งจะช่วยให้น้ำในหูลดลง ซึ่งตำแหน่งที่นวด มันคือปลายท่อของยูสเตเชียนนี่เอง

    ส่วนการกลั้วน้ำเกลืออาจจะไม่ได้ไปล้างถึง Nasopharynx แต่น่าจะล้างได้แค่ Oropharynx แต่ก้อถือว่า น้ำเกลือช่วยได้เยอะจริงๆ









    13 มค
    หูยังแห้งดี เข้ามาเขียนเตือนตัวเองอีกรอบว่า ต้องล้างกลั้วคอก่อนล้างจมูกเสมอ อย่าลืม ไม่งั้นน้ำล้างจมูกจะพาเอาเศษอาหารที่คอขึ้นหู เขียนเพิ่มคือที่คอมีพังผืดไม่เท่ากัน อย่าลืมนวดคอตลอดด้วย

    15 มค
    หูแห้ง มีเสียงกุบกับปรกติ เสียงวี้ดลดลงนิดนึง

    18 มค
    ถ่ายรูปหูเก็บไว้




    21 มค
    หลังจากที่ภูมิแพ้ขึ้น แพ้ฝุ่น pm2.5 มาสองวัน วันนี้มีน้ำหูไหลลงคอเป็นเมือกเหลืองๆ จริงๆเมื่อวานก็เริ่มมีออกมานิดๆ แต่วันนี้ออกมาชัด พร้อมกับเสียงวี้ดชัดที่หูซ้าย แต่หูไม่อือเลยยังไม่ได้ถ่ายรูปเช็ค

    22 มค
    เจ็บฟันเวลาเคี้ยว ซี่ 2-4 ไปหาหมอฟันเจอว่าฟันร้าวยาว2.5มม หมอกรอทิ้งแล้วอุด ตอนนี้เลยเสียวฟันทั้งซ้ายและขวา กินข้าวลำบากสุดๆ

    24 มค
    น้ำมุกไหลแต่เช้า เป็นครั้งแรกในรอบสองเดือน แต่บอกไม่ได้ชัดว่ามาจากอากาศเย็นหรือไม่เพราะช่วงนี้ ฝุ่นเยอะมาก pm2.5 ขึ้นหลัก100มาสามวัน อาการคันตามตัวมีบ้างนิดหน่อย แต่ถือว่าแพ้น้อยกว่าอากาศเปลี่ยนแปลง ยังคงใส่หมวกไว้ตลอด

    27 มค
    มีเมื่อกเหลืองที่เหมือนเซรั่มภูมิแพ้ออกมากับน้ำลายผนังคอด้านใน น่าจะมาแพ้ฝุ่นวันวานทำให้เนื้อเยื่อระคายเคือง

    28 มค
    เช้านี้ระหว่างกลั้วคอ มีเสมหะสีเขียวก้อนใหญ่หลุดออกมา คาดว่าน้ำเกลือผสมคงจะช่วยทำให้ความเหนียวลดลงแล้วหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่ได้กลั้วน้ำเกลือ เสมหะนี้คงเกาะผนังคอด้านหลังไปอีกหลายวัน และวนกลับมาทำให้ติดเชื้ออีกรอบ
    กลับบ้านล้างจมูกอย่างละเอียด พยายามให้ลงผนังคอด้านในพร้อมกันกลั้วคอบ่อยขึ้น ไม่พบน้ำลายขุ่นค้างในผนังคอ คอไม่ระคายเคืองแล้ว

    29 มค
    ยังมีเมื่อกเหลืองปนออกมานิดหน่อย ไม่เยอะเหมือนวันก่อนแล้ว 

    31 มค
    ฝุ่นเยอะ แพ้ฝุ่น หูมีเสียงกุบกับ คันตัวด้วย รีบกินยาแก้แพ้กันไว้ก่อน น้ำมูกเริ่มไหลเป็นหยดหยด

    3-4 กพ
    คันตัว คันเท้า อาการแบบแพ้ฝุ่น กินยาไปวันละ 1 เม็ด กลัวว่าถ้ามีอาการแพ้แล้วจะทำให้เกิดเมือกเหลืองเยอะ เพราะคายน้ำลายมีเมือกหูมานิดหน่อย คาดว่าจะมาตอนภูมิแพ้ขึ้น

    6กพ
    เมือกวุ้นเส้นออกมาจากหู แต่สีไม่คล้ำ น่าจะยังใหม่ๆ แปลว่ารอบนี้หลุดง่ายขึ้น

    7-8 กพ
    กลั้วคอเรื่อย เมือกเหลืองจางๆออกมานิดๆ

    9กพ
    เช้านี้ตื่นเช้ามา อากาศ24องศา สักพัก หูกุบกับแรงมาก ตกเย็นคันตัวแรงมาก แปลว่าหูกุบกับนี้สัมพันธ์กับการแพ้ระดับนึง เย็นทนไม่ได้ เลยกินยาแก้แพ้ไปเม็ดนึง

    10กพ
    เช้ามาอากาศยังเย็นแต่หูโล่งแล้ว

    13 กพ
    เช้ามาฝุ่นเยอะแบบไม่รู้ตัว หูกุบกับ และมีน้ำมูกไหล ยังไม่ได้กินยา รอดูอาการแพบนึงก่อน


    14 กพ
    ไปเจอ link เกี่ยวกับการล้างจมูก
    ขอบันทึกจากประสบการณ์1ปีที่มีปัญหาหูติดเชื้อ เอาจากที่ปีที่แล้วเป็นแบ่งเป็น 2เคส คือในโพรงไซนัสมีเชื้อโรค กับไม่มีเชื้อโรค ง่ายๆคือเป็นหนองกับไม่เป็นหนอง 
    1. ถ้าไม่มีเชื้อโรค น้ำมูกตัน คือมาจากการแพ้ระคายเคือง ล้างด้วยน้ำเกลือดันเข้าไปเลยให้ผ่าน โพรงไซนัสทั้งสองข้างแบบนี้ ไม่เป็นไร ดันเบาๆ จะไม่ทะลุทำให้หูติดเชื้อ ปวดหู เพราะมันมักจะไม่เหนียวมาก
    2. แต่ถ้าเป็นแบบมีเชื้อโรค เมือกมันเหนียวเขียวข้น แบบนี้ถ้าดันทะลุเข้าไป ต้องใช้แรงเยอะ และ มันจะเอาเชื้อไปแพร่กระจาย ติดเต็มโพรงไซนัสทั้ง 3ส่วน ซ้ายกลางขวา วิธีล้างกรณีนี้คือดันน้ำเข้าไปแค่ให้มันแฉะๆ แล้วสั่งเอาออกทางรูเดิม ประหนึ่งว่า กลั้วจมูก ทำซ้ำๆ 4-5รอบ มันจะเริ่มโล่ง วันต่อไปถ้ามันไม่เขียวแล้ว ค่อยล้างปกติได้

    กรณีที่ใช้ไซริง จะกำหนดแรงได้ยากต้อง มันจะมีแบบขวดบีบ กับขวดหยด ถ้าใช้ขวดบีบ ให้โน้มตัวเยอะขนานกับพื้นโล่งจะใช้แรงบีบน้อย ถ้าใช้แบบขวดหยดมันจะค่อนข้างไหลช้า และรุ่นใหม่ล่าสุดคือเป็นขวดบีบแต่ต่อข้องอแปลงเป็นขวดหยด แปลว่า บีบเบาๆ ช่วยได้




    16 กพ
    ไปกินข้าวในห้าง อากาศร้อนเลยไม่ใส่หมวก ตกเย็นหูกุบกับทันที กลับเข้าบ้านล้างคอถี่ๆสองสามรอบเวลา ได้เมือกสีเหลืองออกมาจางๆสองสามรอบ เด่วจะดูว่าพรุ่งนี้หูจะเป็นยังไง

    19 กพ
    ฝุ่นน้อยลง หูไม่กุบกับแรงแล้ว หูยังอื้อเบาๆ เป็นบางจังหวะ แต่แห้งดีไม่มีน้ำ

    .



    Tuesday, December 31, 2024

    NPC ตอนที่ 42 สรุปปี สรุปยา สรุปโรค 2024




    ปีนี้เป็นโรคหูอักเสบทั้งปี เริ่มตั้งแต่ไปอินเดียมาตอนคริสมาส ปีที่แล้ว ไปเจออากาศหนาวขั้น -2 มา เดิมทีหูก้อไม่เป็นอะไรเลยตั้งแต่ฉายแสงปี 2023 พอมาเจออากาศเย็น เจอฝุ่น เจอแพ้ มีอาการน้ำคั่งในหู หูอักเสบ หูติดเชื้อมารุม

    26 ธค 2023 เริ่มมีอาการหูอื้อ น้ำมูกไหลเยิ้มๆ มีเลือดค้างที่หลังคอ เป็นน้ำเหลืองใสบ้างเป็นลิ่มบ้าง

    5 มค 2024 ติดเชื้อไซนัส กินยาฆ่าเชื้อ levoflox 10วัน

    18 มค 2024 เจ็บรากฟัน

    22 มค 2024 ปวดหู มีน้ำค้างในหู มีไข้ กินยาฆ่าเชื้อ MeiAct 14วัน / ห่างจากรอบที่แล้ว 17วัน

    17 กพ 2024 ปวดหู น้ำเหลืองเต็มหู กินยาฆ่าเชื้อ Augmentin / ห่างจากรอบที่แล้ว 23วัน

    25 กพ 2024 อาการปวดไม่หาย เปลี่ยนยาเป็น กินยาฆ่าเชื้อ Avelox / ห่างจากรอบที่แล้ว 11วัน

    2 มีค 2024 เจาะเอาน้ำในหูออกมาได้ 3ซีซี

    7 มีค 2024 น้ำแห้งได้ไม่กี่วัน หูเริ่มมีน้ำสะสมอีกแล้ว

    29 มีค 2024 เจ็บรากฟันลดลง

    26 เมย 2024 คอเจ็บ น้ำมูกเขียว หูไม่เป็นอะไร ติดเชื้อหลังจากกลับจากญี่ปุ่น กินยาฆ่าเชื้อ Cravit 8วัน / ห่างจากรอบที่แล้ว 61วัน

    27 เมย 2024 ตาแดงติดเชื้อ ได้ยา Tabrodex 3 วัน

    11 พค 2024 เป็นไข้ ปวดหู น้ำคั่งเยอะ ไปหาหมอฉุกเฉิน กินยาฆ่าเชื้อ Augmentin / ห่างจากรอบที่แล้ว 15วัน

    14 พค 2024 อาการปวดไม่หาย เปลี่ยนยาเป็น กินยาฆ่าเชื้อ Avelox

    6 กค 2024 สำลักข้าว

    7 กค 2024 หูอื้อ น้ำมูกเยอะ แก้วหูขยับ น้ำคั่งในหู รอบนี้ไม่ต้องกินยาฆ่าเชื้อ

    15 กค 2024 น้ำในหูรอบนี้เป็นน้ำเหลืองใส ไม่ข้น ใช้เป่าแล้วหายได้ สุดท้ายเป่าจนมีก้อนแข็งๆเหนียวๆ หลุดออกมาจากท่อระบายแรงดัน น้ำในหูลดลงได้ไวขึ้นเหลือประมาณ 5%

    19 สค 2024 มีอาการแพ้ฝุ่น แพ้อาการ ไม่ได้สนใจ

    24 สค 2024 น้ำคั่งเต็มหู ซื้อกล้องมาส่องหู เจอว่าหูแดงบวม กินยาฆ่าเชื้อ DarFlox / ห่างจากรอบที่แล้ว 105วัน

    7 ตค 2024 เมือกเหนียวๆหลุดมาจากหู อาการหูอื้อลดลงทันที

    19 ตค 2024 คันแพ้ฝุ่น แพ้อาการ

    21 ตค 2024 หูอื้อน้ำคั่ง 50% 

    24 ตค 2024 ส่องกล้องหูแดงไปหาหมอ กินยาฆ่าเชื้อ DarFlox / ห่างจากรอบที่แล้ว 61วัน

    31 ตค 2024 หูแห้งเหลือ 5-10%

    6 พย 2024 มีเมือกหลุดออกมาจากหู

    13 พย 2024 หูยังมีน้ำบ้าง แต่ถือว่าหูแห้งที่สุดในรอบปี

    14 พย 2024 ไปทำ MRI น้ำน้อยแต่หูดังก้องๆ 

    19 พย 2024 ติดหวัดจากคนในบ้าน คอแดง น้ำมูกเยอะ ไซนัสอักเสบ แต่หูไม่แดง ไม่มีน้ำในหู กินยาฆ่าเชื้อ DarFlox / ห่างจากรอบที่แล้ว 26วัน

    20 พย 2024 คอเจ็บแดง เริ่มผสมน้ำเกลือกลั้วคอ

    22 พย 2024 เริ่มใส่หมวก ลดน้ำมูก เป็นบางเวลา

    29 พย 2024 เปลี่ยนมาใส่หมวก ตลอดเวลา

    9 ธค 2024 อากาศเย็นน้ำมูกไหล น้ำในหูกลับมา30% 

    15 ธค 2024 หูแห้งดี หูไม่อื้อ แต่มีตึงๆ เหมือนจะติดเชื้อ

    19 ธค 2024 สรุปว่าไม่ติดเชื้อ แค่กล้ามเนื้อขากรรไกรขัดยอก

    นับถึง 31 ธค ไม่ติดเชื้อมาแล้ว 41 วัน

    จบปี 2024 แบบทุลักทุเล ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหูมากขึ้น



    หมายเหตุ

    • ความสัมพันธ์ระหว่างคันแพ้อาการก่อนมีอาการหูแดงติดเชื้อ มี correlation ค่อนข้างเยอะ คือมาพร้อมกันเกือบทุกครั้ง
    • เนื่องจากท่อปรับแรงดัน น่าจะพัง ดังนั้น เวลาล้างจมูกให้เปลี่ยนมาเป็นขวดบีบ หรือใช้ขวดน้ำเกลือแรงดึงดูดโลกแทน จะไม่แรงเกินไปจนดันเชื้อโรคเข้าหู
    • เพิ่มขั้นตอน การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ  ช่วยล้างเศษอาหารหลังผนังคอ แทนการล้างจมูกระหว่างมื้ออาหาร
    • อย่านอนตะแคงซ้ายทับหูซ้าย เพราะจะก่อ ให้เกิดการคั่งของน้ำในหูได้


    7 มค 

    มาอธิบายแบบมั่วๆ จากอาการที่เป็นในอดีต ให้ตัวเองอ่านในอนาคต

    • อาการในรอบปีจะมีสองอย่างคือ หูอื้อ กับเสียงวี๊ดในหู ซึ่งเสียงวี๊ดนี่ดังตลอด24ชม ไม่หายมา1ปีแล้ว
    • ส่วนหูอื้อ จากการสังเกต จะมาจากน้ำค้างในหูเยอะ
    • น้ำค้างในหูจะมีสาเหตุสิงส่วนคือ น้ำมาใหม่ กับน้ำไม่ไหลออกหรือออกช้าจากท่อตัน
    • น้ำมาใหม่จะสัมพันธ์กับน้ำมูกเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งมาจากการติดเชื้อก่อน ความแตกต่างคือ ถ้ามาจากน้ำมูก จะมาช้าค่อยๆเติมและมีจังหวะลดลงได้ แต่ถ้ามาจากการติดเชื้อ จะมาเร็วแรงและกดหนักๆที่แก้วถึงขั้นปวดมาก
    • ส่วนท่อตัน ยังไม่รู้สาเหตุ แต่เดาว่ามาจากน้ำลายเหนียวจับตัวเป็นก้อน
    • ที่ผ่านมามักจะมีการติดเชื้อที่หู หลังจากการเป่าหูไล่น้ำ เพราะมีน้ำในหูเยอะ และมักจบลงด้วยการติดเชื้อ
    • จากการสังเกตอนุมานว่า เศษอาหาร หรือน้ำลายเหนียวค้างที่คอทำให้ท่อตัน จากนั้นน้ำไม่ไหลออกค้างในหู พอเป่าลมไล่น้ำ ทำให้เชื่อโรคจากคอวิ่งเข้าหู สะสมเป็นหูติดเชื้อ
    • ช่วงครึ่งปีแรกพอมีน้ำมูก จะพยายามแก้ด้วยการล้างจมูก แต่ยิ่งล้างน้ำยิ่งเยอะ และตามด้วยการติดเชื้อเช่นกัน อ่านเจอว่าการล้างน้ำเกลือจะมีแรงดันให้น้ำเกลือบางส่วนไหลเข้าหู ถ้าบังเอิญคอไม่สะอาด อาจจะมีเชื้อย้อนตามท่อขึ้นไปที่หูได้
    • ครึ่งปีหลังพอมีน้ำมูกจะแก้ด้วยการกินยาแก้แพ้ ผลคือน้ำในหูลดลงเร็วกว่า แม้จะยังไม่แห้งทันที
    • บังเอิญเดือน พย มีอากาศเย็น จึงหาหมวกไหมพรมมาใส่ ปรากฏว่า น้ำมูกลดลงชัดเจน
    • เป็นที่มาของการทำการทดลองสองอย่างคือ ทดลองใส่หมวกตลอดเวลาเพราะในออฟฟิศ เปิดแอร์22องศาเย็นหัวตลอดเวลา และถ้าพลาดมีน้ำมูก ต้องกินยาแก้แพ้ให้เร็วอย่ารอ
    • อย่างที่สองคือทดลองใช้น้ำเกลือ2%ผสมเบคกิ้ง2% กลั้วคอ หลังกินข้าว และทุกครั้งที่เหมือนจะมีน้ำลายเหนียวค้างในคอ ผลจากที่ทำมาสองเดือนพบว่า มีน้ำเมือกเหนียว คล้ำๆ หลุดจากคอเป็นระยะ พร้อมกับหูที่แห้งลงเรื่อยๆ แต่เกลือ2%มันแสบและทำให้ปากแห้ง กำลังคิดว่าจะลดเหลือ 1.5%ดีไหม แต่คงเบคกิ้งโซดาไว้ที่2%เท่าเดิมไปสักระยะ
    • อย่างที่สามคือหยุดเป่าหู ใช้วิธีขยับขากรรไกรเยอะๆ โดยการอ้าปากให้กว้างที่สุด จากนั้นเยื้องขากรรไกรล่างมาข้างหน้า แล้วตามด้วยกลืนน้ำลาย ช่วงที่อ้าปากสุดๆ จะมีน้ำไหลจากหูมาที่คอ พอกลืนจะดันให้น้ำหลุดออกมา ทำได้ผลทั้งน้ำเหลวและน้ำเมือกก้อน
    • อีกตัวที่ควรบันทึกไว้คือตอนที่เป็นไซนัสอักเสบ หมอให้ยาอิลิอาดินมาใช้ เจอว่าช่วงที่ใช้ยาหูอื้อน้อยลง น้ำระบายออกได้สะดวกขึ้น หรืออาจจะเพราะบังเอิญด้วยจังหวะนั้นพอดี แต่เพิ่มขั้นตอนไว้ว่าถ้าหูอื้อหนัก ให้ลองใช้ยาอิลิอาดีนข้างเดียวแล้วบริหารขากรรไกร เพื่อช่วยระบายน้ำออกให้ไวที่สุด
    • ลำดับการล้างก็มีผล ควรล้างคอให้เสร็จก่อนถึงค่อยล้างจมูก เพราะสมมติฐานข้างบนคือแรงดันน้ำอาจย้อนเข้าหู ดังนั้นถ้าคอไม่สะอาดแล้วล้างจมูกก่อน ถึงทำให้ติดเชื้อซ้ำซ้อนบ่อยมาก ดูจากสถิติติดเชื้อข้างบนได้
    • การล้างจมูกก็จะมีสองแบบคือแบบล้างเข้าซ้ายออกขวาใช้แรงดันบีบให้ทะลุ แบบนี้เหมาะกับเป็นภูมิแพ้ไม่มีเชื้อโรค กับเข้าซ้ายออกซ้ายคล้ายๆกับการกลั้วคอ แบบนี้เหมาะกับตอนเป็นหวัดจะทำให้เชื้อโรคไม่แพร่กระจายไปยังโพรงไซนัส หรือหูชั้นกลาง
    • นอกจากนี้ยังพบว่าคอด้านซ้าย หลังกกหู ปลายกรามขากรรไกร มีพังผืดมากกว่าข้างขวา นี่อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่อตัน
    • เดี๋ยวบันทึกไว้เป็นกรณีศึกษาเรื่อยๆ