Tuesday, December 31, 2024

NPC ตอนที่ 42 สรุปปี สรุปยา สรุปโรค 2024




ปีนี้เป็นโรคหูอักเสบทั้งปี เริ่มตั้งแต่ไปอินเดียมาตอนคริสมาส ปีที่แล้ว ไปเจออากาศหนาวขั้น -2 มา เดิมทีหูก้อไม่เป็นอะไรเลยตั้งแต่ฉายแสงปี 2023 พอมาเจออากาศเย็น เจอฝุ่น เจอแพ้ มีอาการน้ำคั่งในหู หูอักเสบ หูติดเชื้อมารุม

26 ธค 2023 เริ่มมีอาการหูอื้อ น้ำมูกไหลเยิ้มๆ มีเลือดค้างที่หลังคอ เป็นน้ำเหลืองใสบ้างเป็นลิ่มบ้าง

5 มค 2024 ติดเชื้อไซนัส กินยาฆ่าเชื้อ levoflox 10วัน

18 มค 2024 เจ็บรากฟัน

22 มค 2024 ปวดหู มีน้ำค้างในหู มีไข้ กินยาฆ่าเชื้อ MeiAct 14วัน / ห่างจากรอบที่แล้ว 17วัน

17 กพ 2024 ปวดหู น้ำเหลืองเต็มหู กินยาฆ่าเชื้อ Augmentin / ห่างจากรอบที่แล้ว 23วัน

25 กพ 2024 อาการปวดไม่หาย เปลี่ยนยาเป็น กินยาฆ่าเชื้อ Avelox / ห่างจากรอบที่แล้ว 11วัน

2 มีค 2024 เจาะเอาน้ำในหูออกมาได้ 3ซีซี

7 มีค 2024 น้ำแห้งได้ไม่กี่วัน หูเริ่มมีน้ำสะสมอีกแล้ว

29 มีค 2024 เจ็บรากฟันลดลง

26 เมย 2024 คอเจ็บ น้ำมูกเขียว หูไม่เป็นอะไร ติดเชื้อหลังจากกลับจากญี่ปุ่น กินยาฆ่าเชื้อ Cravit 8วัน / ห่างจากรอบที่แล้ว 61วัน

27 เมย 2024 ตาแดงติดเชื้อ ได้ยา Tabrodex 3 วัน

11 พค 2024 เป็นไข้ ปวดหู น้ำคั่งเยอะ ไปหาหมอฉุกเฉิน กินยาฆ่าเชื้อ Augmentin / ห่างจากรอบที่แล้ว 15วัน

14 พค 2024 อาการปวดไม่หาย เปลี่ยนยาเป็น กินยาฆ่าเชื้อ Avelox

6 กค 2024 สำลักข้าว

7 กค 2024 หูอื้อ น้ำมูกเยอะ แก้วหูขยับ น้ำคั่งในหู รอบนี้ไม่ต้องกินยาฆ่าเชื้อ

15 กค 2024 น้ำในหูรอบนี้เป็นน้ำเหลืองใส ไม่ข้น ใช้เป่าแล้วหายได้ สุดท้ายเป่าจนมีก้อนแข็งๆเหนียวๆ หลุดออกมาจากท่อระบายแรงดัน น้ำในหูลดลงได้ไวขึ้นเหลือประมาณ 5%

19 สค 2024 มีอาการแพ้ฝุ่น แพ้อาการ ไม่ได้สนใจ

24 สค 2024 น้ำคั่งเต็มหู ซื้อกล้องมาส่องหู เจอว่าหูแดงบวม กินยาฆ่าเชื้อ DarFlox / ห่างจากรอบที่แล้ว 105วัน

7 ตค 2024 เมือกเหนียวๆหลุดมาจากหู อาการหูอื้อลดลงทันที

19 ตค 2024 คันแพ้ฝุ่น แพ้อาการ

21 ตค 2024 หูอื้อน้ำคั่ง 50% 

24 ตค 2024 ส่องกล้องหูแดงไปหาหมอ กินยาฆ่าเชื้อ DarFlox / ห่างจากรอบที่แล้ว 61วัน

31 ตค 2024 หูแห้งเหลือ 5-10%

6 พย 2024 มีเมือกหลุดออกมาจากหู

13 พย 2024 หูยังมีน้ำบ้าง แต่ถือว่าหูแห้งที่สุดในรอบปี

14 พย 2024 ไปทำ MRI น้ำน้อยแต่หูดังก้องๆ 

19 พย 2024 ติดหวัดจากคนในบ้าน คอแดง น้ำมูกเยอะ ไซนัสอักเสบ แต่หูไม่แดง ไม่มีน้ำในหู กินยาฆ่าเชื้อ DarFlox / ห่างจากรอบที่แล้ว 26วัน

20 พย 2024 คอเจ็บแดง เริ่มผสมน้ำเกลือกลั้วคอ

22 พย 2024 เริ่มใส่หมวก ลดน้ำมูก เป็นบางเวลา

29 พย 2024 เปลี่ยนมาใส่หมวก ตลอดเวลา

9 ธค 2024 อากาศเย็นน้ำมูกไหล น้ำในหูกลับมา30% 

15 ธค 2024 หูแห้งดี หูไม่อื้อ แต่มีตึงๆ เหมือนจะติดเชื้อ

19 ธค 2024 สรุปว่าไม่ติดเชื้อ แค่กล้ามเนื้อขากรรไกรขัดยอก

นับถึง 31 ธค ไม่ติดเชื้อมาแล้ว 41 วัน

จบปี 2024 แบบทุลักทุเล ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหูมากขึ้น



หมายเหตุ

  • ความสัมพันธ์ระหว่างคันแพ้อาการก่อนมีอาการหูแดงติดเชื้อ มี correlation ค่อนข้างเยอะ คือมาพร้อมกันเกือบทุกครั้ง
  • เนื่องจากท่อปรับแรงดัน น่าจะพัง ดังนั้น เวลาล้างจมูกให้เปลี่ยนมาเป็นขวดบีบ หรือใช้ขวดน้ำเกลือแรงดึงดูดโลกแทน จะไม่แรงเกินไปจนดันเชื้อโรคเข้าหู
  • เพิ่มขั้นตอน การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ  ช่วยล้างเศษอาหารหลังผนังคอ แทนการล้างจมูกระหว่างมื้ออาหาร
  • อย่านอนตะแคงซ้ายทับหูซ้าย เพราะจะก่อ ให้เกิดการคั่งของน้ำในหูได้


7 มค 

มาอธิบายแบบมั่วๆ จากอาการที่เป็นในอดีต ให้ตัวเองอ่านในอนาคต

  • อาการในรอบปีจะมีสองอย่างคือ หูอื้อ กับเสียงวี๊ดในหู ซึ่งเสียงวี๊ดนี่ดังตลอด24ชม ไม่หายมา1ปีแล้ว
  • ส่วนหูอื้อ จากการสังเกต จะมาจากน้ำค้างในหูเยอะ
  • น้ำค้างในหูจะมีสาเหตุสิงส่วนคือ น้ำมาใหม่ กับน้ำไม่ไหลออกหรือออกช้าจากท่อตัน
  • น้ำมาใหม่จะสัมพันธ์กับน้ำมูกเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งมาจากการติดเชื้อก่อน ความแตกต่างคือ ถ้ามาจากน้ำมูก จะมาช้าค่อยๆเติมและมีจังหวะลดลงได้ แต่ถ้ามาจากการติดเชื้อ จะมาเร็วแรงและกดหนักๆที่แก้วถึงขั้นปวดมาก
  • ส่วนท่อตัน ยังไม่รู้สาเหตุ แต่เดาว่ามาจากน้ำลายเหนียวจับตัวเป็นก้อน
  • ที่ผ่านมามักจะมีการติดเชื้อที่หู หลังจากการเป่าหูไล่น้ำ เพราะมีน้ำในหูเยอะ และมักจบลงด้วยการติดเชื้อ
  • จากการสังเกตอนุมานว่า เศษอาหาร หรือน้ำลายเหนียวค้างที่คอทำให้ท่อตัน จากนั้นน้ำไม่ไหลออกค้างในหู พอเป่าลมไล่น้ำ ทำให้เชื่อโรคจากคอวิ่งเข้าหู สะสมเป็นหูติดเชื้อ
  • ช่วงครึ่งปีแรกพอมีน้ำมูก จะพยายามแก้ด้วยการล้างจมูก แต่ยิ่งล้างน้ำยิ่งเยอะ และตามด้วยการติดเชื้อเช่นกัน อ่านเจอว่าการล้างน้ำเกลือจะมีแรงดันให้น้ำเกลือบางส่วนไหลเข้าหู ถ้าบังเอิญคอไม่สะอาด อาจจะมีเชื้อย้อนตามท่อขึ้นไปที่หูได้
  • ครึ่งปีหลังพอมีน้ำมูกจะแก้ด้วยการกินยาแก้แพ้ ผลคือน้ำในหูลดลงเร็วกว่า แม้จะยังไม่แห้งทันที
  • บังเอิญเดือน พย มีอากาศเย็น จึงหาหมวกไหมพรมมาใส่ ปรากฏว่า น้ำมูกลดลงชัดเจน
  • เป็นที่มาของการทำการทดลองสองอย่างคือ ทดลองใส่หมวกตลอดเวลาเพราะในออฟฟิศ เปิดแอร์22องศาเย็นหัวตลอดเวลา และถ้าพลาดมีน้ำมูก ต้องกินยาแก้แพ้ให้เร็วอย่ารอ
  • อย่างที่สองคือทดลองใช้น้ำเกลือ2%ผสมเบคกิ้ง2% กลั้วคอ หลังกินข้าว และทุกครั้งที่เหมือนจะมีน้ำลายเหนียวค้างในคอ ผลจากที่ทำมาสองเดือนพบว่า มีน้ำเมือกเหนียว คล้ำๆ หลุดจากคอเป็นระยะ พร้อมกับหูที่แห้งลงเรื่อยๆ แต่เกลือ2%มันแสบและทำให้ปากแห้ง กำลังคิดว่าจะลดเหลือ 1.5%ดีไหม แต่คงเบคกิ้งโซดาไว้ที่2%เท่าเดิมไปสักระยะ
  • อย่างที่สามคือหยุดเป่าหู ใช้วิธีขยับขากรรไกรเยอะๆ โดยการอ้าปากให้กว้างที่สุด จากนั้นเยื้องขากรรไกรล่างมาข้างหน้า แล้วตามด้วยกลืนน้ำลาย ช่วงที่อ้าปากสุดๆ จะมีน้ำไหลจากหูมาที่คอ พอกลืนจะดันให้น้ำหลุดออกมา ทำได้ผลทั้งน้ำเหลวและน้ำเมือกก้อน
  • อีกตัวที่ควรบันทึกไว้คือตอนที่เป็นไซนัสอักเสบ หมอให้ยาอิลิอาดินมาใช้ เจอว่าช่วงที่ใช้ยาหูอื้อน้อยลง น้ำระบายออกได้สะดวกขึ้น หรืออาจจะเพราะบังเอิญด้วยจังหวะนั้นพอดี แต่เพิ่มขั้นตอนไว้ว่าถ้าหูอื้อหนัก ให้ลองใช้ยาอิลิอาดีนข้างเดียวแล้วบริหารขากรรไกร เพื่อช่วยระบายน้ำออกให้ไวที่สุด
  • ลำดับการล้างก็มีผล ควรล้างคอให้เสร็จก่อนถึงค่อยล้างจมูก เพราะสมมติฐานข้างบนคือแรงดันน้ำอาจย้อนเข้าหู ดังนั้นถ้าคอไม่สะอาดแล้วล้างจมูกก่อน ถึงทำให้ติดเชื้อซ้ำซ้อนบ่อยมาก ดูจากสถิติติดเชื้อข้างบนได้
  • การล้างจมูกก็จะมีสองแบบคือแบบล้างเข้าซ้ายออกขวาใช้แรงดันบีบให้ทะลุ แบบนี้เหมาะกับเป็นภูมิแพ้ไม่มีเชื้อโรค กับเข้าซ้ายออกซ้ายคล้ายๆกับการกลั้วคอ แบบนี้เหมาะกับตอนเป็นหวัดจะทำให้เชื้อโรคไม่แพร่กระจายไปยังโพรงไซนัส หรือหูชั้นกลาง
  • นอกจากนี้ยังพบว่าคอด้านซ้าย หลังกกหู ปลายกรามขากรรไกร มีพังผืดมากกว่าข้างขวา นี่อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่อตัน
  • เดี๋ยวบันทึกไว้เป็นกรณีศึกษาเรื่อยๆ


Monday, November 25, 2024

NPC ตอนที่ 41 ผล MRI ออกแล้ว

 26 พย

มีนัดหมอฟัน

วันนี้ตั้งใจไปบอกหมอเรื่อง ได้หมอที่รับเคส รักษารากฟันต่อเนื่องแล้ว เป็นคลินิคที่ 3 ที่ไปหา 

โดย คลินิค 2 ที่แรก หมอจะให้รื้อแล้วทำใหม่ ถือเป็นเคสใหม่ แต่หมอรับเคสโดยไม่ต้องรื้อมาทำใหม่หมด เพียงขอให้ช่วย 2 อย่าง อย่างแรกคือให้ทางรามาช่วย xray ทุก 6 เดือนหรือทุกรอบที่ไปเช็คอาการ แล้วถ่ายรูปใส่มือถือกลับมาให้หมอด้วย อย่างที่สองคือช่วยถ่ายรูปย้อนหลัง 1-2 ปีให้หน่อย จะได้เอามาเทียบและวางแผนรักษาโดยไม่ต้องรื้อทำใหม่หมด

27 พย

มีอาการเจ็บตึงที่ผนังคอซ้าย ตรงบริเวณท่อยูสเตเขียน เวลาหายใจจะรู้สึกขัดๆ เหมือนมีเสหะติดตลอดเวลา กลืนไม่หลุด ล้างจมูกไม่หาย กลั้วคอไม่หาย รำคาญแบบตึงๆ แม้จะไม่ได้เจ็บมาก แต่ทำให้ต้องคอยกลั้วคอทั้งวัน น้ำมูกเริ่มใส แต่น้ำมูกที่กองค้างอยู่ที่คอยังคอมีสีขาวขุ่นบ้าง

28 พย

นัดหมอฉายแสงแจ้งผล mri ครบรอบ2ปี

ผลคือยังไม่เจอก้อนเนื้องอกเปลี่ยนแปลงโตขึ้น ขนาดของก้อนที่เหลือ ยังมีขนาดโตเท่าเดิมคือประมาณ 0.4 เซน หมอนัดทำmriอีกครั้งปีหน้า ในผล MRI แจ้งว่ามีน้ำคั่งในหู หมอแนะนำให้ไปปรึกษาหมอ ent เพื่อเจาะใส่ท่อระบายน้ำและบอกว่าอาการหูอื้อ พบได้ปกติสำหรับคนฉายแสงบริเวณนี้ 



29 พย

เช้าน้ำมูกเริ่มน้อยลง ไอยังมีบ้างแต่ไอไม่มีเสียงเสมหะแล้ว เวลาคายออกมาเป็นเมือกเหนียวใสไม่ขุ่น สิ่งบังเอิญที่ค้นพบและทดลองมาสองอาทิตย์คือลองใส่หมวกไหมพรมแบบปิดครอบหู จะช่วยให้น้ำในหูไม่เพิ่มขึ้น กำลังพยายามหาความสัมพันธ์ว่า อากาศทำให้หูเป็นหวัด สร้างเซรั่มสีเหลืองออกมาตามเนื้อเยื่อที่ถูกฉาย ประกอบกับน้ำเหลืองระบายยาก พอค้างไว้หลายวันเน่าติดเชื้อกลายเป็นแก้วหูแดง ยังไม่รู้ว่าสรุปถูกไหม แต่ช่วงนี้อากาศเย็น 23องศาใส่หมวกแล้วหัวอุ่น น้ำมูกจมูกไม่ไหล น่าจะทำให้น้ำมูกหูไม่ไหลด้วยก็เป็นได้

ก่อนนอนล้างจมูกปกติ จู่ๆมีก้อนนี้หลุดออกมา เป็นก้อนที่เหนียวและมีมวลเป็นเส้นเอ็นแข็งๆ จับดึงแล้วไม่ขาด หลังจากหลุดออกมา อาการติดคอหายใจไม่ออก ก้อโล่งเลย พวกนี้น่าจะเป็นเศษน้ำเหลืองที่ค้างในหู ทำให้หูอื้อมากตลอดเนื่องจากระบายไม่ได้ พอดีช่วงนี้เป็นหวัดเลยมีน้ำไปล้างออกมาได้เรื่อยๆมั้ง




30 พย

จากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้วางแผนใหมช่ วงนี้ชีวิตต้องมีถุงยังชีพเพิ่มเข้ามา ในถุงจะมี กระติกน้ำจิบล้างฟัน , มีหมวกไหมพรมสำหรับหู, มีน้ำเกลือกลั้วผนีงคอด้านใน, มีน้ำยาบ้วนปากล้างเหงือก, มีผ้าเปียกเช็ดมือแล้วทิชชู่เช็ดน้ำมูก

ช่วงสายกลั้วคอยังคงมีเศษเมือกจากหูออกมาอีกเล็กน้อย ถามว่ารู้ได้ไงว่าเป็นเมือกหู คือดูจากสี กับดูจากความข้นของเมือก มันจะเป็นก้อนแน่นๆ คล้ายโฟม ถ้าเปนเสมหะกับน้ำมูกใหม่ มันจะเป็นก้อนฟองเหมือนปลากัด

3ธค

ล้างจมูกมีน้ำมจากโพรงไซนัสออกมาเป็นสีเหลืองขุ่นจางๆ กับขาวขุ่นๆ ที่เดาว่ามาจากโพรงไซนัสเพราะหายใจจมูกไม่ตัน ล้างรอบแรกน้ำเกลือไหลดี ล้างซ้ำสอง รอบสามถึงหลุดออกมา

ตอนนี้เริ่มได้เทคนิคการล้างจมูกสำหรับตัวเอง คือ

1.ใช้ขวดบีบแทน สลิงค์ 

2. เวลาบีบ บีบให้เบาแค่พอไหลเข้าจมูก

3. โน้นตัวไปข้างหน้าเยอะ เพื่อให้เข้าโพรงไซนัสแนว จะไม่ต้องใช้แรงบีบเยอะ

4. สั่งน้ำมูกเบาๆ แต่เป่าลมยาวๆ

5. รันน้ำเกลือสั้นๆ ให้เปียกแล้วสั่งออกบ่อยๆ ดีกว่ารันน้ำเกลือยาวจนหมด


5ธค

หูยังคงดี ไม่อื้อติดต่อกันหลายวันแล้ว น้ำมูกเริ่มน้อยลงและใส มีแค่ช่วงเช้านิดหน่อยกับช่วงเย๊น ล้างจมูกไว้เรื่อยๆ พร้อมพ่นยาไว้ ช่วยได้เยอะ


7ธค

อัพเดทเรื่องลำไส้บ้าง

การกินโปรไบโอติดช่วยให้ลำไส้บีบตัวง่ายขึ้นจริงอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้องใช้ควบคู่กับการเดินขยับลำไส้ การเดินออกกำลังเรื่อยๆ ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ ต้องเดินแล้วเกร็งหน้าท้อง ขยับส่วนล่างให้ไปกระตุ้นลำไส้ หากวันไหนลืมไปเดิน หรือเดินผิดท่า แม้จะกินไบโอติค ก้อจะถ่ายยาก แต่ถ้าเดินออกกำลังถูกท่าจะถ่ายง่ายตรงเวลามาก


9 ธค

น้ำในหูกลับมาอีกแล้ว

วันนี้อากาศเย็น น้ำมูกไหลเยอะ บางครั้งน้ำลายมีสีเหลือง

ปน เป็นอาการบอกว่ามีน้ำออกจากหู รีบกินยาแก้แพ้ก่อนเลย แล้วเดี๋ยวลองไล่น้ำออก ใส่หมวกช่วยพยุงมาได้หลายวันอยู่นะ


10ธค

น้ำในหูเยอะอีกแล้ว มาตอนที่อากาศเย็น น้ำมูกไหล

สังเกตได้ว่าพอน้ำมุกเยอะจะมีน้ำในหูเยอะไปด้วย หากไม่รีบกินยาแก้แพ้ระงับน้ำมูกเหมือนครั้งนี้ น้ำในหูจะมาภายในวันหรือสองวัน

13ธค

น้ำในหูลดลงแล้ว บันทึกขั้นตอนไว้เผื่อเอามาทดลองใช้อีกรอบ

1.ถ้ามีน้ำมูกต้องกินยาแก้แพ้ให้ไว

2.ถ้ามีน้ำในหูแล้ว ทดลองใช้ อิลิอาดีน เพื่อให้ท่อขยาย

3.เป่าหูถึงจะไล่น้ำได้ดี แต่จากที่ลองมา ไม่ค่อยปลอดภัย ทำทีไร ติดเชื้อทุกที

4.ใช้วิธีอ้าปากให้สุด จากนั้นขยับขากรรไกรด้านที่หูอื้อ ตอนขยับให้อ้าปานกลาง ตอนที่อ้าสุดจะมีน้ำหลุดลงมา ตอนที่ขยับจะเป็นการไล่น้ำให้ลงคอ

5.ทำซ้ำเบาๆไปเรื่อยๆ ความเสี่ยงมีแค่กล้ามเนื้อขากรรไกรอักเสบ จากที่ทำถ้าทำเยอะไปจะปวดขากรรไกร ทำแล้วพักเป็นรอบๆ

6.ล้างคอด้วยน้ำเกลือ เศษอาหารและเศาน้ำมูกมักจะค้างที่หลังคอ ติดค้างจนเน่า บางทีเหม็นค้างที่คอ น้ำเกลือจะละลายแล้วพาเอาเมือกปลายท่อระบาย หลุดออกได้ง่าย

7.ล้างจมุกหลังกลั้วคอ น่าจะช่วยลดเศษนำ้เศษอาหารจากคอเข้าหู เพราะเวลาสั่งน้ำมูกชอบมีลมเข้าหู เดาว่าท่อลมมันแหว่งหรือรั่ว

8.จากนั้นแล้วพ่นยาอวามิสให้ลดน้ำมูก


15ธค

หูแห้งแล้วแต่มีเสียงกุบกับตลอดตอนที่ขยับปาก เดาว่าตอนน้ำที่ไปดันแก้วหูจนมันย้วย พอแห้งมันเลยยับยู่ยี่ ขยับสีกันไปมาง่าย มีอาการเจ็บๆ ตึงๆที่รอบแก้วหู ความเปนไปได้คือติดเชื้อหรือเจ้บเพราะขยับเยอะ


19ธค

เช้าอากาศเย็น ถอดหมวกตอนไปกินข้าว น้ำมูกไหลเฉย ตกเย็นหูอื้อ หันกลับไปดูขั้นตอนปฏิบัติ ณ ตอนนี้ควรกินยาแก้แพ้ไปก่อน แล้วต้องบริหารหูไล่น้ำ อย่าลืมใส่หมวกให้หูอุ่นด้วย และนอนให้เร็วขึ้น


20ธค

เช้ามาหูไม่อื้อแล้ว แปลว่าขั้นตอนปฏิบัติ น่าจะใช้ได้ระดับนึง


24ธค

เมื่อวานอากาศเย็นเผลอถอดหมวก (ไม่รู้เกี่ยวหรือป่าว) แต่วันนี้มีน้ำในหูนิดหน่อย จริงๆไม่ค่อยรู้สึกอื้อแต่เวลาเขย่าหัว เหมือนหนักหูนิดหน่อยเลยมาส่องกล้อง เพื่อดูว่าแดงหรือไม่


26ธค

ทำซ้ำเหมือนเดิมคืออ้าปาก ล้างคอด้วยน้ำเกลือ มันจะมีเมือกสีเหลืองๆออกมาตามท่อแรงดัน แล้ววันนี้หูไม่อื้อแล้ว ส่องกล้องเมื่อวานไม่มีน้ำแล้ว แต่เสียงวี๊ดยังมีอยู่ตลอดเวลา



Thursday, October 24, 2024

NPC ตอนที่ 40 พบหมอเตรียม MRI ครบรอบ2ปี


21ตค

อยู่ดีดีหูอื้อขึ้นมาเป็น 50% เฉย

แต่สังเกตุได้อย่างนึงคือหลายครั้งที่ก่อนจะหูอื้อ จะมีอาการคัน แพ้ฝุ่น หรือแพ้อากาศ นำล่วงหน้ามา 2-3 วันเสมอ ครั้งนี้ก้อเช่นกัน คันจนต้องกินยาแก้แพ้เป็นรอบๆ


22 ตค

มีนัดหมอ ENT รามาตอนเช้า

ไปถึงหมอส่องหูบอกว่าน้ำเต็ม ตรงกับที่หูอื้อเมื่อวาน หมอถามว่าอยากเจาะไหม อาการแบบนี้น่าจะเรื้อรังแล้วเป็นๆ หายๆ เจาะวันนี้ไปเลยดีไหม ตัดสินใจว่ายังไม่เจาะ เพราะเหมือนจะพอคุ้นเคยกับมันแล้ว




23ตค 

หูยังคงอื้อ เป่าแล้วดีขึ้นบ้าง ส่องหูมีน้ำเยอะแต่ยังไม่แดง

หากมีอาการน้ำในหูเท่านั้น ไม่มีอาการแดง ไม่บวม โดยมาก มักจะมาจากแพ้อากาศ เหมือนมีน้ำมูก แต่น้ำมูกดันไปโผล่ในหูที่รูระบายใช้การไม่ได้ แต่ถ้ามีการติดเชื้อจะมีน้ำเหลืองๆ เยอะเหมือนเป็นไซนัส แต่เกิดในช่องหูแทน อาการแบบนี้ ถ้าเป่าหูแล้วกลืน น้ำจะลงตามคอได้ในบางจังหวะ และบางจังหวะสามารถใช้วิธีอ้าปากกว้างๆ แล้วเยื้องขากรรไกรไปทางซ้ายให้สุด กับเยื้องไปทางขวาให้สุด ก้อจะระบายน้ำได้เช่นกัน วันนี้หูไม่แดงใช้วิธีระบายน้ำด้วยตัวเองไปก่อน


24ตค

เฝ้าระวัง เช้ามาถ่ายรูป หูแดงอีกแล้ว คงรีบไปหาหมอดีกว่า หากพบว่าหูแดง แปลว่าติดเชื้อ การติดเชื้อโดยมากจะมาจากการที่เป่าหูวันก่อนหน้า ซึ่งมีอาการนำอันเนื่องมาจากแพ้อากาศ หากเป่าๆ แล้วพลาดเชื้อหลุดเข้าหู จะกลายเป็นหูอักเสบ 

สรุปไปหาหมอไทยนครินทร์ ได้ยาฆ่าเชื้อมากิน เป็น DarFlox 100 จำนวน28เม็ด เท่ากับ7วัน รอบนี้ไม่รุนแรงเป็นนิดเดียวเจอก่อน หมอบอกว่าอาการน่าจะเป็น pattern แบบนี้แล้วนะ ควรจะเจาะใส่ท่อไว้เลย จะได้ไม่ต้องปวดหูเวลาที่น้ำเต็ม จึงได้ทำเรื่อง เคลมประกันล่วงหน้าทิ้งไว้ รอให้ทาง รพ โทรมานัดอีกรอบ


26 ตค

หูแดงลดลง อาการหูอื้อก็ลดลงด้วย แต่น้ำยังเต็มหูอยู่



27 ตค

เนื่องจากรอบนี้ไปหาหมอเร็ว ทำให้อาการแดงลดลงเร็วมาก

อาการหูอื้อก็ลดลงเร็วเช่นกัน แถมรอบนี้หูอื้อเหลือ 10% ส่องรูปเหลือน้ำนิดเดียว น้อยกว่าทุกๆครั้งที่เป็น รอบก่อนๆ จะมีน้ำเหลือประมาณ 50% เสมอ




31 ตค

โอ้ว หูอื้อเหลือ ไม่เกิน5% ส่องรูปไม่เหลือน้ำแล้ว แต่มีคราบเหลืองๆเยอะ ยังคงมีเสียงจี๊ดๆ ในหูตลอดเวลา





2 พย

หูอื้อคงเดิมประมาณ5% เสียงวี้ดยังไม่หายไป พยายามเทียบเคียงว่าเสียงวี้ดคือประมาณไหน

ไป download freq generator มาเทียบ ได้ความว่า เสียงวี๊ดจะตรงกับเสียงที่ความถี่ประมาณ 5000-7000 Hz




3 พย

พยาบาลโทรมานัดให้ไปเจาะหู นัดเวลาได้ตอน16:30 พอไปถึงหมอส่อวกล้องดูแล้วหยอดยาชาใส่ ระหว่างรอยาชา หมอบอกว่าเจาะใส่ท่อแล้ว ลงเล่นน้ำไม่ได้นะ บังเอิญมีแพลนไว้ เลยบอกว่าเดือนธันวาคมจะไปลงแพ อาจจะโดนน้ำ หมอเลยบอกว่า ไปเที่ยวให้เสรจก่อนแล้วค่อยมาเจาะก้อได้ เพราะจากกล้องดูแล้วน้ำแห้งไปเยอะแล้วน่าจะพอรอได้ น้ำที่ยังเหลืออีกนิดหน่อย ถ้าขยันเป่า น่าจะพอช่วยได้


6 พย

เช้านี้มีเมือกหลุดออกมาจากหู ถามว่ารู้ได้ไงว่ามาจากหู คือมันจะรู้สึกเจ็บตึงๆในหูก่อน แล้วค่อยเจ็บไล่ลงมาตามคอข้างในเหมือนมีอะไรขวาง จากนั้นจากตอดที่หลังคอรำคาญจนต้องขากออกมา บางทีขากไม่ออกต้องใช้ไอ พอหลุดจะเป็นก้อนเหนัยวๆสีเขียวๆเหลิองๆคล้ำๆ



13 พย

น้ำในหูยังคงแห้งอยู่ เหตุการณ์ปกติดี ยังมีเสียง วี๊ดตลอดเวลา วัดจากแอฟแล้วเสียงตรงกับความถี่ 5000-7000 Hz



14 พย 

มีนัด MRI ที่รามา จังหวะที่ทำ mri ต้องอุดหู และครอบหูอย่างแน่นหนา นี่ถ้ายังมีน้ำในหู เวลาโดนคลื่น mri คงปวดน่าดู วันนี้ขนาดน้ำแห้งไปเยอะยังมีอาการตึงๆ จากที่เคลื่อนมันสั่นและบีบในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง


15 พย

วันนี้รู้สึกหูโล่ง มาอัพเดทรูปหู ไม่มีน้ำเลย

คนในบ้านเป็นหวัดขี้มูกเขียวสองคน จะระวังตัวยังไงดี



19 พย

คอเจ็บ เสมหะเขียว รีบมา รพ ไทยนครินทร์ หมอว่าควรกินยาฆ่าเชื้อไปเลย สรุปว่าโดนอีกแล้ว บอกหมอว่าแต่รอบนี้หูไม่อื้อนะ รู้สึกปกติดี หมอบอกมานี่ มาดูหูหน่อย หมอดูหูให้เจอว่าน้ำเริ่มมาละ แต่ยังไม่มาก มีเอ่อๆนิดนึงประมาณ 20% คาดว่ารอบนี้น้ำคงระบายได้ดีขึ้นจากที่เมือกก้อนใหญ่หลุดไปรอบก่อน

ขั้นตอนปฏิบัติรอบนี้คือ

หากจมูกดันแล้วจะล้างจมูก มีโอกาส ที่เชื้อจะดันจากจมูกเข้าหู ดังนั้น หากจะล้างจมูกแล้วจมูกตัน ให้พ่นยาอิลิอาดินก่อน เพื่อขยายให้จมูกโล่ง จากนั้นจึงค่อย แบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่เชื้อจะวิ่งเข้าหูได้

หมอบอกว่า ผนังจมูกด้านในแห้งมาก ควรล้างน้ำเกลือบ้าง ล้างบ่อยๆแต่เบาๆอน่ากดแรงดันเข้าไปที่หู

ยากินคือเอาตัวเดิมไป DarFlox 100 จำนวน28เม็ด ถามว่าลดความแรงเหลือ levofox ได้ หมอบอกว่า เขาไม่ทำกัน เพราะรอบที่แล้วกิน darflox ยังไม่เกิน 6 เดือน มีความเสี่ยงที่จะไปทำให้เชื้อดื้อยา เลยค้นหาว่า คืออะไร สรุปใจความได้ว่า เชื้อที่อยู่กับเรา เมือโดนยาฆ่าเชื้อจะอ่อนแอลงและให้ร่างกายกำจัดส่วนที่เหลือออกไป เชื้อที่โดยยาแล้วมีแนวโน้มจะสร้างสารดื้อยา ดังนั้นเราจะไม่เปลี่ยนยาบ่อยๆในช่วงใกล้กัน เพื่อให้เวลาร่างกายกำจัดเชื้อเก่าออกไป อนุมานว่า 6 เดือนหน้าเชื้อที่เป็นใหม่จะไม่ใช่ตัวเดิม ดังนั้นการกินยาในรอบหน้าจะสามารถเปลี่ยนชนิดยาได้

darflox นี้ เป็นยาฆ่าเชื้อมี half life 12ชม สามารถกินซ้ำเมื่อ 12/2=6 +6/2=9ชั่วโมงเป็นต้นไป



21 พย

วันก่อนมีแต่คอเจ็บ แต่วันนี้น้ำมูกไหลโจ้กเลย แถมเป็นน้ำมูกสีเหลืองใส คาดว่าเป็นไซนัสอักเสบ เลยต้องล้างจมูกหนักหน่วง แถมต้องผสมน้ำเกลือกลั้วคอ เอาไปที่ทำงานเพิ่มด้วย น้ำลายเหนียวมาก ข้นมาก และเขียวด้วย




22 พย

น้ำมูกลดลงนิดหน่อยแต่ไอเยอะมาก ไอตลอดจนปวดท้อง ต้องเอาน้ำเกลือล้างคอบ่อยๆ ทั้งวัน มีอาการปวดกกหู แถวๆ ท่อระบายแรงดันหูข้างซ้ายด้วย


23 พย

ไอยังไม่ลด จิบน้ำพอช่วยได้บ้าง แต่ยังไม่เสมหะอยู่ บางครั้งก็เป็นสีเหลืองใสๆ น้ำมูกยังเกรอะรอบจมูก


24 พย

อาการคอเจ็บไม่มีแล้ว แต่อาการหวัดยังไม่หายไป ลองเช็คยาฆ่าเชื้อแล้วเหลือแค่ 2 วัน น้ำมูกใสแล้ว แต่เสมหะยังมีบ้าง คิดว่าควรไปขอยาฆ่าเชื้อมากินต่อยัง 3วัน เพราะถ้าหยุดแล้วมากินใหม่กลัวจะดื้อยาอีก

พอเจอหมอ หมอดูหูไม่มีน้ำเลย ดูคอไม่แดงแล้ว ดูจมูกให้ปกติแล้ว แต่มีน้ำมูกหลังคอสีเหลืองนิดหน่อย หมอเห็นด้วยว่าเอายาฆ่าเชื้อมากินต่อ แต่ให้มาตั้ง 5วันเลย


25 พย

วันนี้ไอลดแล้ว เสมหะลดเลยแล้ว ไม่มีค้างเป็นก้อนๆที่หลังคอมากเท่าไหร่ น้ำเกลือกลั้วหลังคอ ก็ไม่มีอะไรออกมาแล้ว  แต่ยังมีไอบ้างเป็นรอบๆ ไม่ถึ่ แต่ถ้าเวลาตอนไอ ยังคงไอเยอะ มีเสมหะหลังคอเป็นแบบใสๆ ตลอด เสมหะสีขาว ไม่ข้นแล้ว

แทบไม่ต้องล้างจมูกแล้ว หูไม่อื้อในบางจังหวะ และอื้อ 10% ในบางจังหวะ




Thursday, August 22, 2024

NPC ตอนที่39 หูดับอีกแล้ว

 19 สค

มีอาการคัน ทั่วไปตามแขนขา

21 สค

อาบน้ำปกติแต่มีเผลอทำน้ำเข้าหูซ้ายนิดหน่อย เช็ดแล้วไม่ได้สนใจอะไร จากนี้นไปเข้านอนตอนสี่ทุ่ม ราวๆ เที่ยงคืนตื่นด้วยอาการแน่นหู ปรากฏว่ามีน้ำไหลเต็มหู ทดลองเป่าหู แก้วหูแน่น ได้ยินเสียงหัวใจ confirm น้ำมาจริง

22 สค

อาการโดยทั่วไปคือแน่นหู หูอื้อทั้งวัน ไม่ได้เป่าไล่เพราะมันตึง แต่ใช้วิธีขยับขากรรไกรช่วย มีน้ำขมๆไหลลงมาบางครั้ง พอช่วยได้ แต่จะมีอาการคอตึงด้านซ้าย ต้องคอยนวดเป็นระยะ

23 สค

เช้ามาเริ่มมีเสียงแปะๆๆๆดังในหู ทดลองเป่า มีอาการเจ็บแปล๊บตามขอบแก้วหู มีปวดกกหูด้วย และเส้นคอตึง กำลังตัดสินใจว่าจะไปหาหมอดีไหม 

ช่วงบ่ายอาการยิ่งขึ้น ปล่อยตามเลย ไม่ได้หาหมอ หูยังมีอาการแน่นอยู่ ระดับความอื้อคือ 90% ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง มีเสียงวี้ดในหูดังขึ้น เจ็บแปล๊บๆเป็นบางจังหวะ ไม่รู้คิดผิดหรือเปล่าที่ไม่ไปหาหมอ เพราะอาการคล้ายครั้งที่แล้วคือ ไม่มีไข้ กินแค่ซูโดสองสามวันก้อหายเองได้ จำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วปวดแน่นหูแค่ไหน เสียดายไม่ได้จดละเอียด

24 สค

เข้ามายังปวดหูตุ้บๆ มีเจ็บแปล๊บๆบ้าง อาการรวมๆคือทรงๆ ไม่มีการเติมน้ำเข้ามาจนแน่นขึ้น ไม่มีน้ำเหลืองไหลลงคอตอนบ้วนปากเช้า แปลความได้ว่าน้ำไหลน้อยลงแล้ว แต่ที่ยังไม่หายอื้อน่าจะยังบวม ตอนนี้คงต้องเพิ่มสมมติฐานว่าจิดเชื้อจริงๆละ เย็นนี้คงต้องไปหาหมอ นั่งคิดได้ว่าแทนที่จะนั่งรอการ เราหากล้องส่องเข้าไปดูลักษณะการอักเสบเลยดึกว่า นั่งเสริช หาได้สองตัว มีความละเอียดHD เท่ากัน ต่างกันที่แบตมากกับแบตน้อย เลยเอาตัวแบตน้อยมาลองใช้ ตัวแพงจะมี ear specula มาพร้อม ฟังชั่นคือเป็นที่ตรวจหูเต็มรูปแบบ แต่ตัวถูกจะเป็นประมาณไม้แคะขี้หูพร้อมภาพมากกว่า ทั้งสองตัวต่อผ่าน wifi ส่งรูปเข้า ipad 

ค้นหาเครื่องส่องหูไปพลาง ไปเจอเวบของหมอภูมิแพ้บอกว่าการล้างจมูกมีโอกาสทำให้หูติดเชื้อได้ แต่มักจะเกิดกับเด็กเล็กเพราะระบบท่อยังพัฒนาไม่เต็มที่

https://www.facebook.com/100064196790623/posts/2983536928330484/





เย็นแล้วหูยังไ่ม่หายแน่น เริ่มกังวลว่ามันคงไม่หายเองแล้ว จึงไปให้หมอช่วยดูว่าต้องกินยาอะไรบ้าง หมอส่องหูให้บอกว่ามีรอยแดงครึ่งบน แต่ไม่มาก เล่าให้หมอฟังว่าวันก่อนเจ็บแปล๊บๆ วันนี้เริ่มไม่เจ็บมากแล้ว หมอประเมินว่าน่าจะเริ่มทรงตัว แต่เพื่อความปลอดภัยเอายาฆ่าเชื้อไปกินเถอะ
สบโอกาสจึงถามหมอว่าหูชั้นกลางติดเชื้อ สาเหตุมาจากการล้างจมูกได้จริงไหม หมอบอกว่า ถ้าโตแล้วระบบท่อยูสเตเชี่ยนจะปิดตลอดเวลา ถ้าล้างจมูกไม่ได้แรงมากเกินไปจะไม่เข้าไปที่หูได้ แต่ในกรณีที่ฉายแสงมา เนื้อเยื่อที่ท่ออาจจะปิดไม่สนิท ทำให้มีการติดเชื้อขึ้นบ่อยๆ การล้างจมูกเป็นแค่ 1 ความเสี่ยงมากกว่าจะเป็นสาเหตุหลัก
สรุปว่าได้ยามา 3 ตัว รวมกับยาลำไส้ ตอนนี้กินยาแทนข้าวไปแล้ว






25 สค
ได้กล้องมาแล้ว ตัวที่ซื้อมาจริงๆแล้วมันคือไม้แคะหูแบบมีก็ล้อง แต่อาศัยว่ารุ่นนี้ให้กล้องความละเอียด HD มา แล้วเราเอามาตัดปลายไม้แคะหูอะไร ฝนลบคมปลายออกแล้วไปหา speculumขนาด5มม มาครอบเพื่อว่าเวลาแยงเข้าหูจะไม่ลึกจนไปเกี่ยวแก้วหู เพราะปลายกล้องหนา3.9มม ขนาดรูหูปกติ 6มม แต่speculumที่ขายกันมีขนาดใหญาพกพาไม่สะดวก เลยเอาปลายศริงค์ มาตัดแล้วเสียบแทน



ก่อนดัดแปลง


หน้าตาหลังดัดแปลงแล้ว




ทดลองกล้องส่องหู

รูปหูซ้ายวันที่ 25 สค



รูปหูซ้ายวันที่ 26 สค





รูปหูซ้ายวันที่ 28 สค



รูปหูซ้ายวันที่ 30 สค


รูปหูซ้ายวันที่ 31 สค



เมื่อวานไปหาหมอพร้อมกับเอารูปที่ถ่ายไปให้ดูด้วย หมอดูเปรียบเทียบก่อนกินยากับหลังกินยา แล้วตัดสินใจให้ว่าหยุดยาฆ่าเชื้อได้ ที่เหลือน่าจะเหลือแค่เนื้อเยืออักเสบเลยให้กินยาลดบวมต่ออีก7วัน ตอนนี้ไม่มีอาการปวดแล้ว ส่วนอาการหูอื้อวันนี้เหลือประมาณ 50% การเป่าหูยังสามารถทำแก้วหูขยับได้ปกติ ไม่เจ็บไม่ปวด บริเวณขอบแก้วหู 

สรุปการใช้ไม้แคะหูว่า ถ้าเอาไม้มาเขี่ยขี้หู ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ทำให้เจ็บในรูหูได้หมดทุกกระบวนท่า ผิวหนังในรูหูเป็นอะไรที่บางมากๆ เขี่ยๆ ถูๆ สองสามรอบจะมีอาการแสบ แปลว่าแม้กระทั่งคัตตอนบัด เราก็ไม่ควรใช้เช็ดในรูหูเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เลยมีตัวกล้องสีขาว และตัวไม้แคะสีดำ คงต้องเลิกใช้ตัวไม้แคะละ


15 กย
หูไม่แดงแล้ว แต่รอบนี้อาหารหูอื้อไม่หายไป เสียงวี๊ดในหูมีตลอด 24 ชั่วโมง
เท่ากับว่าเสียงเงียบไปได้แค่ 1เดือน แล้วมันก้อกลับมาใหม่ เอ้าอยู่กับมันต่อไป



29 กย
อัพเดทสภาพหู ที่อื้อเหลือประมาณ20% คิดเอาเองว่า น่าจะเห็นน้ำเหลือน้อยลงมั้ง ฟองใสๆ น่าจะเป็นระดับน้ำที่เหลือค้าง

3 ตค
วันนี้หูอื้อเหลือ 10% แต่เสียงวี้ดยังคงอยู่ ไม่หายไป

5ตค
มีอาการคัดตึงๆในกกหู ส่องดูมีเมือกน้ำมูกในหูด้วย



7 ตค
มีเมือกสีน้ำตาลเข้มหลุดออกมาจากหู จากนั้นหูอื้อก็ลดเหลือ 5% แต่เสียงวี๊ดยังคงอยู่ไม่หายไป แต่เมือกหายไปจากรูปแล้ว

13 ตค
อัพเดทอาการลำไส้แปรปรวน 
หลังจากที่ตัดสินใจหยุดไปหาหมอด้วยเหตุผลว่า ส่องกล้องก้อแล้ว ไม่เจออะไร ทำให้ต้องกินยาตามอาการเท่านั้น และยาที่กินก้อไม่ได้ผลมากนัก ต้องเปลี่ยนยากไปเรื่อยๆวนไป แถมถ้าท้องผูกก้อใช้ยาถ่ายช่วย ซึ่งการกินยาถ่ายมันทำให้ถ่ายเหลว1วัน ถ่ายแข็ง1วัน

จึงลองซื้อโปรไบโอติกมาลองกินดู3ยี่ห้อกินมา1เดือนและพยายามหยุดอาหารที่คิดว่ามีผลต่ออาการ เช่นน้ำผักปั่นและผักสด ได้ค้นพบว่า ตัวที่่มีผลต่ออาการมากที่สุดคือน้ำเบอร์รี่ ตอนนี้หยุดมา2อาทิตย์แล้ว และกินไบโอติกต่อเนื่อง  อาการวันนี้คือถ่ายได้ปกติไม่ได้แข็งมาก แต่อาจจะถ่ายไม่ทุกวัน แต่ที่ดีขึ้นมากๆคือ รูปร่างผักที่ออกมา ไม่ได้เป็นใบๆ ช่วงก่อนคือกินผักอะไรสีอะไร เข้าไปแบบไหน ออกมาหน้าตาเหมือนเดิมสีเดิม แต่วันนี้ที่เปลี่ยนไปคือผักไม่ว่าจะสดหรือจะสุก กินเข้าไปแล้ว เวลาออกมาจะเป็นใยใสๆ ฟูๆ ถ้าคิดเอาเองคือน่าจะดีขึ้น ประมาณว่ามีการย่อย มีการทำงานบ้าง อาการปวดท้องปั่นป่วนก็แทบจะหายไป ยังเหลือบ้างแต่น้อยลงไปเยอะ น้ำหนักก็เริ่มกลับมา จากช่วงที่ปวดท้อง นน ตอนเย็นลดลงไปถึง 55 ตอนนี้ค่อยขึ้นมาเป็น 57 ในช่วงเวลาเย็น












Thursday, July 18, 2024

NPC ตอนที่38 เตรียมลำไส้ส่องกล้อง

 16 กค

เริ่มการเตรียมตัว 2 วันแรก ด้วยการกินอาหารอ่อนๆ

ที่โรงอาหารมีร้านต้มเลือดหมู ไปขอซื้อข้าวใส่น้ำแกง+ไข่ต้ม ทางร้านคิด 16 บาท 

มื้อแรกตอนเช้าใส่น้ำส้มสายชูหน่อยพอกินได้

มื้อเที่ยงยังกินได้อยู่

มื้อเย็นกินโจ๊กที่บ้าน


17 กค

วันนี้ก้อกินข้าวต้มไข่อีกวัน ทั้งเช้าและเที่ยง

เย็นกินโจ๊กไข่


18 กค

เช้านี้เปลี่ยนร้านโจ๊ก ได้กินหมู+ไข่

เที่ยงกินน้ำเต้าหู้ 3ถุง

ตอนเย็น 17.00 เริ่มกินยาล้างลำไส้ เป็นยา Niflec 137.155g + Picoprep ผสมน้ำ2ลิตร ดื่ม 200 cc ทุก10นาที จะคำนวณได้ทั้งหมด 11แก้ว

เมื่อผ่านไป1ชม ยาที่กินเข้าไปจะหมด1ขวดพอดี และเกิดอาการปวดท้องถ่าย เมื่อนั่งถ่ายจะได้เป็นน้ำเหลวๆ การถ่ายจะเป็นระลอกตามจังหวะที่ดื่มน้ำเข้าไป ที่น่าสังเกตคือ ไม่มีฉี่ แปลว่าน้ำที่ดื่มไม่ถูกไตดูดกรอง น้ำส่วนใหญ่จะผ่านตรงไปที่ลำไส้ เป็นรอบๆ คล้ายกับการเทน้ำล้างท่อสายยาง รอบแรกๆจะถ่ายมีกากปนสีเหลืองๆ จนรอบที่6จะเริ่มขาวใส และสิ้นสุดในรอบที่7 น้อยกว่าที่ดื่มเข้าไปที่11รอบ เดาว่ารอบแรกๆอาจจะไปกองรวมกัน

พอถ่ายมากๆ มีอาการแสบรูทวารและปลายทวารบวม ต้องไปเอายาเก่ามาทา



19 กค

หมอนัดส่องกล้องเวลา 10โมงเช้า แต่ต้องไปให้ถึงเวลา 8โมงเช้าเพื่อทำเอกสารและเตรียมตัวกับวิสัญญี

ปรากฏว่าลำไส้ยังไม่สะอาดโดยสังเกตจากถ่ายเมื่อรอบเช้าตีห้า ยังมีกากปนเลยต้องไปสวนล้างอีก1รอบ รอบนี้เป็นการเอาน้ำเข้าทางทวารโดยตรง ปล่อยให้น้ำยาไหลไปถึงลำไส้ส่วนต้นแล้วค่อยปล่อยถ่าย การกินยาคือล้างจากสำไส้เล็กลงมา สวนถ่ายคือล้างลำไส้ใหญ่ขึ้นไป

จากนั้นไปเจาะเส้นเพื่อให้น้ำเกลือ ต้องเจาะสองรอบ ความรู้ใหม่คือ ถ้าอดน้ำอดอาหารมา จะทำให้เส้นเลือดลีบ เจาะยาก รูแรกเจาะแล้วแตก ต้องพักแล้วเจาะใหม่ อากาศห้องผ่าตัดหนาวมาก น้ำมูกไหลไม่หยุดเลย

จากนั้นไปรอในห้องส่องกล้องจัดท่าจัดทาง พอหมอเข้ามาบอกว่าจะเริ่มทำ ลืมตาอีกทีคือเสรจแล้ว ไปกินแล้วมาฟังผลโดยรวมๆ ลำไส้เรียบดีไม่มีผิวขรุขระ มีติ่งเนื้อ3จุดหมอตัดออกให้หมอพร้อมส่งตรวจ biopsy อัลตร้าซาวน์ช่องท้องไม่เจออะไร ตรวจเลือกการทำงานของตับไม่เจออะไร สรุปว่าลำไส้ทำงานผิดปกติเพราะแปรปรวน คำว่าแปรปรวนคือทำงานผิดไปเพราะพฤติกรรม ต้องปรับเปลี่ยนออกกำลังและลดความเครียด การใช้ยาคือปรับให้ทำงานตามจังหวะของยาแต่ถ้าจะให้หายและทำงานปกติเองต้องเริ่มจากภายใน








ค่าตรวจแพงมาก


28 กค

อาการหูอื้อยังคงเหลืออยู่ประมาณ 5-10% แต่เสียงวี๊ดๆในหูยังคงดังค้างตลอด24ชม ไม่หายไป อาการแน่นในรูหูยังมีบ้างเป็นครั้งคราว แก้วหูขยับเองได้บ่อยขึ้น


02 สค

นัดติดตามอาการ และนัดฟังผลชิ้นเนื้อ ได้ความว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง สรุปอาการที่เป็นคือท้องอืด ลำไส้ไม่ขยับตัว น่าจะมาจาก IBS คุณหมอทำการปรับยาใหม่เป็น RESOLOR 1mg

16 สค

อาการมวนท้องดีขึ้นแต่ยังท้องผูก รอบนี้ปรับยานิดหน่อย แล้วนัดอีกที 1 เดือนเลย






Sunday, July 7, 2024

NPC ตอนที่37 สำลักอาหาร จะติดเชื้อในหูอีกไหม

 6 กค

กินกระเพาะปลาตอนเช้า กลืนผิดจังหวะสำลัก ตอนแรกคิดว่าสำลักปรกติ แต่สักพักน้ำมูกไหล มีซุปปนออกมากับน้ำมูก แปลว่าที่สำลักเมื่อเช้าขึ้นไปถึงโพรงจมูก จึงรีบทำการล้างจมูกออก และหยุดเป่าหูไล่น้ำตามที่หมอ.ร แนะนำไว้ ป้องกันเศษอาหารทะลุไปที่หู แล้วติดเชื้อมากขึ้น ตกดึกตอนนอนเริ่มหูอื้อเล็กน้อย อากาศเย็นฝนตก

7 กค

เช้ามาหูอื้อมากขึ้น เริ่มมีน้ำมูกเยอะ สั่งน้ำมูกไปสามรอบตอนเช้า และอีกสี่รอบตอนสายๆ ทำการล้างจมูกเพิ่มเติม เริ่มได้ยิน มีเสียงแก้วหูขยับ หูเริ่มตื้อ แต่ยังไม่ปวด ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุ้บๆในหู ตอนนี้ตอนบ่ายรอดูอาการไปก่อนว่าจะมีอาการปวดหูเพิ่มไหม 

บ่ายกว่าๆละ เริ่มแน่นหูมากขึ้น คิดว่าไปหาหมอดีกว่า เผื่อเป็นอะไรจะได้กินยาทัน หมอ.ช ดูหูบอกว่ามีระดับน้ำประมาณ 30% คอไม่แดง คิดว่าน้ำมาจากแพ้อากาศ ยังไม่น่าจะติดเชื้อ ให้ยาแก้แพ้และซูโดลดน้ำมากิน10วัน ถ้ามีอาการอื่นค่อยมาเอายาฆ่าเชื้อ



จากนั้นแวะไปหาหมอลำไส้ทางเดินอาหาร เล่าอาการให้หมอ.น ฟังว่า

  • มีอาการถ่ายผิดปกติมาประมาณ2อาทิตย์ 
  • มีอาการปวดท้องถ่ายปกติ แปลว่าลำไส้น่าจะทำงาน แต่พอเบ่งกลับไม่ออก มีแค่ลมออกมา ปลายทวารไม่เปิดออกง่ายๆแบบที่เคย ต้อง เบ่งแรงเบ่งนาน
  • เบ่งแล้วลำอุจาระไหลออกไม่แรง ลำอุจาระเล็กลงจากที่เคย ปลายลำแห้งแข็ง ผิวมีลักษณะขรุขระหยาบ แต่สีเหลืองสีน้ำตาลปกติ ไม่ดำคล้า
  • ช่วงแรกของการเบ่งจะเจ็บรอบทวารจึงต้องขมิบตัดแบ่ง ทำให้ออกมาเป็นก้อนเล็กๆ
  • ปลายลำบางครั้งมีเมือกแวกซ์สีขาวเคลือบ 
  • ช่วงที่ผ่านมากินผักมากพอสมควร กินแฟลกซี้ดวันละ5ช้อนผสมน้ำผักปั่นเพื่อเพิ่มมวลอุจจาระ แต่ลำที่ออกมายังมีลักษณะแน่นตรงปลาย แต่หลังๆจะยังคงฟูนิ่ม
  • หลังถ่ายจะมีอาการเจ็บที่ปลายรูทวาร เหมือนเจ็บริสีดวง เจ็บค้างทั้งวัน
  • มีอาการปวดท้องถ่ายตุ่ยๆ เบาๆ ไปตลอดวัน เหมือนอยากเข้าห้องน้ำถ่าย
หมอทำการสำรวจก้นเบื้องต้น แจ้งว่ามีอาการลำไส้แปรปรวน ถามว่าทำงานเครียดไหม แต่รวมๆ น่าจะต้องส่องกล้องลำไส้และกระเพาะอาหาร พร้อมทั้งultra sound ช่องท้องไปด้วย นัดทำวันที่10กค ตอนเช้า ใช้เวลาทำ1.5ชั่วโมง พร้อมกับให้ยาถ่ายมาด้วย การทานยาถ่ายให้ทาน forlax10g ควบคู่กับ mucilin5g เพราะการทำงานต่างกันสามารถเสริมการทำงานได้ดีกว่า 








การเตรียมตัวส่องกล้องจะใช้ยาสองตัวเพื่อล้างลำไส้




8 กค
เช้าวันนี้หูอื้อเพิ่มเป็น80% บางจังหวะ90% แต่ที่ต่างจากครั้งก่อนคือไม่ปวดหูด้านใน อัตราการเติมน้ำก้ค่อนข้างช้า และยังพอสามารถไล่น้ำออกได้บ้าง ตอนนี้เริ่มพอจับทางการไล่น้ำได้บ้างแล้ว มีหลายวิธีสลับกันไป
  • อ้าปากให้กว้างที่สุดแล้วรีบกลืนน้ำลาย
  • เยื้องปากมาข้างหน้า เหมือนทำฟันล่างเหยิน แล้วรีบกลืนน้ำลาย
  • ปิดจมูก เป่าลมเข้าหูแล้วรีบกลืนน้ำลาย วิธีนี้ช่วยขยับแก้วหูที่จมน้ำให้ขยับไปมาได้ด้วย ลดการปวดในบ้างจังหวะ
น้ำที่ไหลลงเป็นน้ำสีเหลืองข้นๆ ไม่ใสเหมือนครั้งก่อนๆที่ติดเชื้อ อันนี้เหมือนมาทีละนิดมันเลยเหนียวข้น

9 กค 
วันนี้ลางานอยู่บ้านเตรียมล้างท้อง 
ตอนเย็น รพ โทรมาว่าประกันยังไม่อนุมัต เลยเลือนการส่องกล้องไปก่อน
นัดใหม่เป็นวันที่ 19 กค ต้องเริ่มกระบวนการกินโจ้กใหม่อีกทีวันที่ 16 กค


15 กค
อาการหูอื้อหายไปเยอะแล้ว เหลือประมาณ 5% ล่าสุดมีก้อนเหนียวๆแข็งๆ หลุดออกมา โดยก่อนที่จะหลุดจะรู้สึกเจ็บในหูตรงลำคอ ประมาณว่าแถวๆ ท่อยูสเตเชียน เดาเอาเองว่าก้อนเหนียวในหูค่อยๆไหลออกมา อาการจึงดีขึ้นได้เยอะ