เหลืออีกแค่สองอาทิตย์ก็จะจบการฉายแสงแล้ว ส่วนคีโมเหลืออีกสองครั้งแต่จะมีอาการข้างเคียงไปราวๆสามสัปดาห์
13 กพ. เริ่มต้นแผนการกินใหม่ด้วยการซื้อไข่ขาวผงเอามาชงดื่นแทนการกินไข่ขาวฟองที่กินได้แค่ไม่กี่วันก็เอียนไปหมด มีแผลที่โคนลิ้นเกิดขึ้นมา 2 จุด ทำให้กินข้าวได้ลำบากขึ้น ต้องพยายามทายาบ่อยๆ เอาให้หายเร็วๆ มิฉะนั้นจะกินข้าวได้น้อยลง แผลที่ลิ้นจะแย่กว่าที่แผลที่แก้มเพราะมันเจ็บตลอดเวลาที่กินแม้กระทั่งน้ำ เช้ากินข้าวต้มถั่วเหมือนเดิม เที่ยงกินมักกะโรนีได้แค่ครึ่งถ้วยเลยต้องกินนมเพิ่มอีก1แก้ว เย็นกินข้าวกับต้มฟักครึ่งจานตามด้วยนมอีก1แก้ว ชั่งน้ำหนักตอนเย็นได้ 57.2
14 กพ. เช้านี้แผลที่ลิ้นสองจุดบานใหญ่มารวมกันเป็นจุดเดียวที่ใหญ่กว่าเดิม ทำให้เจ็บระบมไปหมดกว่าจะกินข้าวต้มหมดชามใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ชั่งน้ำหนักเช้าได้ 56.2 ถือว่าไม่แย่น้ำสำหรับการทำน้ำหนักเพื่อตรวจเลือดพรุ่งนี้ ปัญหาหลักตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแผลแต่เป็นเรื่องเบื่ออาหาร เห็นอะไรก็ไม่อยากกินไปหมด เห็นอาหารแล้วเอียน คิดเรื่องกินแล้วจิตตก ส่วนหนึ่งเพราะรสชาติอาหารไม่มีเวลากินอะไรที่มันกลืนง่ายๆซ้ำๆบ่อยๆ จะกลายเป็นความเคยชินและความทรงจำที่แย่ พอมื้อต่อไปต้องกินอะไรที่รสชาติมันแย่ๆ ร่างกายก็จะต่อต้านออกมาในแบบไม่กิน กินไม่ได้ กินแล้วปฏิเสธ ส่วนรอยไหม้รอบคอเริ่มใหญ่ขึ้น เจ็บมากขึ้น และผิวหนังตึงตลอดเวลา รวมทั้งคันด้วย เวลาหันซ้ายหันขวาต้องระวังคอไปขูดกับคอเสื้อ อีกสักพักคงจะดีขึ้น
ตอนเย็นกลับบ้านช้ามาก กว่าจะได้กินข้าว 19:40 กินเสร็จปวดท้องไปหมดอาการเก่ากลับมาก กว่ากระเพาะจะคลายปวดล่อไป 23:00 เล่นเอาเหนื่อยเลย
15 กพ. เป็นวันที่วุ่นวายเรื่องกระเพาะมากที่สุด ตอนนี้ปัญหาใหม่คือ กินก็ปวด ไม่กินก็ปวด เรื่องหิวกับอิ่มไม่ต้องคุยเพราะไม่อยากกินเป็นทุนเดิม เช้ากินข้าวตุ๋นได้นิดหน่อย เที่ยงกินข้าวต้มตามด้วยนม กินเสร็จปวดท้องไปหมด บ่ายสามก่อนออกจากบ้านก็กินนมไปอีกแก้ว กินเสรจกระอักกระอ่วนไปตลอดบ่ายระหว่างที่รอฉายแสง วันนี้ได้ฉายเร็วมานิดนึงเข้าห้องไปตอน 17:40 เย็นกลับถึงบ้าน 18:40 กินข้าวไข่เจียวได้จานนึงแต่พอ 19:30 เริ่มปวดท้อง นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ปวดยาวไปจนถึง 23:00 กว่าจะได้นอนเกือบเที่ยงคืน
ส่วนเรื่องแผลในปากตอนนี้ที่คอไม่เจ็บแล้ว แผลที่ลิ้นก็เริ่มดีขึ้น รอยไหม้ที่คอเริ่มแห้งกลับกลายเป็นคันๆแสบๆแทน ก็ทนๆไปเหลือเวลาคันก็ใช้มือลูปเบาๆเอา เหลือฉายแสงอีกแค่ 8 ครั้ง กับคีโมอีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
16 กพ. เมื่อคืนนอนท่าไหนไม่รู้ตื่นมาคอเคล็ดเหมือนตกหมอนต้องบริหารคอแต่เช้า แถมตื่นมาพร้อมกับอาการเจ็บคอหอย (อีกละ) อาการเจ็บในช่องนี่มันจะเป็นๆหายๆ โดยหลักการคือเซลล์จะถูกทำลายไปจากการฉายแสง ตอนไหนที่เซลล์ตายเยอะก็จะเป็นแผลแดง พอผ่านไปสักวันหรือสองวันร่างกายจะสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนอาการก็จะหายเจ็บเป็นแบบนี้วนไปจนกว่าเนื้อมะเร็งบริเวณนั้นจะหมดไป
วันนี้ต้องไปเจอหมอถ้าแก้เรื่องกระเพราะไม่ได้อาทิตย์หน้าน้ำหนักมีลดฮวบแน่นอน วันนี้มีเรื่องที่ต้องเล่าให้หมอฟังดังนี้
- ลิ้นชาหนา รู้สึกเป็นฝ้าเยอะ ต้องคอยเองผ้าก๊อซขัดถูเนื้อเยื่อออกบ่อยๆ
- เบื่ออาหารมากๆ ไม่อยากกินอะไรเลย
- สำลักง่ายขึ้น กลืนยากขึ้น
- เริ่มปรับเป็นเอนชัวร์วันละ40ช้อน และข้าวสองมื้อเล็กๆ
- รอยไหม้ที่คอเริ่มลอกและคัน
- มีอาการปวดท้องเหมือนเป็นโรคกระเพาะ หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด
หมอจีน
- แผลในคอยังคงระดับที่น่าพอใจ
- อวัยวะภายในยังทำงานมีแรงดี แต่ถ้าปวดท้องกินได้น้อยลงจะเริ่มหมดแรง
- แผลในกระเพาะให้ลองกินน้ำผึ้งเปล่า1ช้อนโต๊ะกลืนตอนท้องว่างเพื่อช่วยลดกรดและรักษาแผล
- จะเพิ่มยารักษาแผลในกระเพาะให้
- ยาช่วยย่อยครั้งที่แล้วไม่มีผลต่อการเพิ่มกรดในกระเพาะหรือปวดท้อง ดังนั้นยาจีนไม่ต้องหยุดกินต่อได้
หมอฉายแสง
- คอที่เริ่มลอกอย่าเกาเพราะถ้าเป็นแผลจะหายยาก รังสีทำให้เซลล์ทุกอย่างหยุดทำงานและค่อยๆตายไป ดังนั้นจะต้องใช้เวลานานกว่าเซลล์ชุดใหม่จะเกิดขึ้น
- รังสีแม้ว่าจะหยุดฉายไปแล้ว จะทำงานระดับเซลล์ต่อไปอีกราวๆ 6-8สัปดาห์ดังนั้นให้ดูแลร่างกายต่อไปให้ดีอีกระยะ
- เหลือฉายแสงอีกนิดเดียว อดทนหน่อยใกล้จบแล้ว
หมอคีโม
- ที่ปวดท้องเป็นกระเพาะอักเสบ ผลมาจากยาแก้แพ้ที่ฉีดตอนให้คีโม ซึ่งไม่มีตัวเปลี่ยน และไม่ฉีดก็ไม่ได้ การให้ยาซ้ำๆอาจจะทำให้กระเพาะระคายเคืองยาวๆนานและอักเสบได้
- จะเลื่อนการให้คีโมไปเป็นวันพุธหน้าเพื่อรักษากระเพาะก่อนในระยะ 5วันนี้
- หมอบอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเป็นอาการนี้ รักษามา10ปีแทบไม่เจอ เป็น rare case จริงๆ
- วันอังคารต้องเจาะเลือดอีกรอบเพื่อดูว่าค่าเลือดยังปกติไหม
ให้คะแนนความปวดท้อง 8/10
17 กพ. วันนี้ไม่ต้องไปฉายแสงเพราะเครื่องฉายเขาหยุดซ่อมบำรุงประจำปี และไม่ต้องไปให้คีโมด้วย ถือเป็นการหยุดพักรักษากระเพาะให้หายไวๆ เพราะออกจากบ้านจะควบคุมอาหารการกินได้ค่อนข้างลำบาก
เช้าเริ่มกลับมากินข้าวต้มถั่วได้แค่มื้อเดียว เจ็บลิ้นอีกแล้ว เที่ยงเลยต้องกลับไปกินเอนชัวร์ต่อแต่รอบนี้เปลี่ยนสูตรเป็นกินสองแก้ว แก้วละ 8ช้อนเพื่อให้ใส่น้ำได้เยอะ เกรงว่าข้นไปจะทำให้ปวดท้อง ก้อไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก จังหวะนี้ต้องเดาและปรับเปลี่ยนไปก่อน แล้วค่อยมาสังเกตว่าหายหรือไม่ เมื่อคืนกินยาโรคกระเพาะชุดใหม่ มียาแก้ปวดมาให้ด้วยทำให้วันนี้ไม่ค่อยปวดมากเท่าเมื่อวาน แต่อาการยังพะอืดพะอมจะอ้วกมันทั้งวัน
ให้คะแนนความปวดท้อง 3/10
18 กพ. กินยาแก้ปวดมาสองวันแล้วอาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เช้ากินโจ้กได้ถ้วยเล็กๆ ถือว่าค่อยๆเริ่มกลับมากินได้ กระเพาะเริ่มทำงานได้ปกติขึ้นไม่มีท้องอืดเท่าไหร่แล้ว เที่ยงก็กินโจ้กที่เหลือจากตอนเช้า ส่วนเย็นกินข้าวต้มไข่เจียวกับผัดผัก วันนี้กินไข่ขาวได้ครบ5ฟองพอดี ปัญหาคือมื้อเย็นจะกินยาจีนไม่ได้มา2-3วันแล้ว เพราะทุกครั้งที่กินข้าวเยนเสร็จจะแน่นท้องกระอักกระอ่วนทุกครั้งไป อาการที่ตามมาคือเริ่มเจ็บคอหอยข้างใน แปลว่ายาจีนนี่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้แบบเห็นผลมากๆ พรุ่งนี้ต้อรีบกลับมากินต่อให้ครบ2มื้อ
ให้คะแนนความปวดท้อง 2/10
19 กพ.วันนี้ไม่ได้กินยาแก้ปวดแล้ว เหลือแค่กินยาลดกรดเท่านั้น เช้ากินข้าวได้ชามใหญ่ ถึงแม้มันจะไม่อร่อยแต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องกระเพาะ ยังพอฝืนกินได้บ้าง ใช้เวลากินไปเกือบ1ชั่วโมง เที่ยงออกจากบ้านไปกินราเมน ทำไปทำมา ในช่วงรักษานี่กินราเมนเป็นมื้อเที่ยงเกือบ50%เลยแหะ
เย็นกินนมหนึ่งแก้วกับกินข้าวอีกครึ่งจาน ชั่งน้ำหนักตอนสามทุ่มได้ 56.6 ยังไม่ขึ้น ต้องรีบปั้มน้ำหนักให้มากกว่านี้
ให้คะแนนความปวดท้อง 1/10




No comments:
Post a Comment