เนื่องจากมีหยุดฉายแสงไป 1 ครั้งเพราะซ่อมเครื่องกับมี delay คีโมจากที่มีอาการปวดท้องมาก ทำให้ตารางที่วางไว้คลาดเคลื่อนไป จึงต้องมาเก็บตกในอาทิตย์นี้เพิ่มเติม
27 กพ. นอนตื่นสาย ทำให้กินนมเช้าไม่ทัน หายไป1แก้วเลยวันนี้ มื้อเช้ากินโจ้กไข่เสริมนม1แก้ว ลิ้นยังชาอยู่ ในปากมีแผลมากขึ้นอีกแล้ว เจ็บระบมไปทั่วๆ แต่ไม่เจ็บมาก นี่เพราะหยุดยาจีนตอนเย็นไป2วัน(อีกละ) ต้องเลิกทดสอบได้แล้ว เห็นผลทันตาทุกครั้งที่หยุดเลย
มีนัดกับหมอฟันบ่าย2 ออกจากบ้านเที่ยงไปจอดรถที่นางเลิ้ง กินข้าวเที่ยงไม่ทันจึงกินนมไป1แก้ว บ่าย3หิวกินนมไปอีก1กระป๋อง นั่งรอฉายแสงวันนี้คนเยอะมากกว่าจะเสร็จ18:00 แสบท้องอีกละกินนมไปอีก1กระป๋อง เวลาที่กินแต่นมจะแสบท้องเหมือนกระเพาะไม่มีอะไรย่อย สูตรการกินแบบข้าวครึ่งนึงนม1แก้วน่าจะลงตัวที่สุดละ เย็นฝืนกินข้าวกับต้มผักใส่วุ้นเส้นคลายแสบท้องไปได้เยอะ
- หมอฟันบอกว่าฟันไม่ผุแต่แปรงไม่สะอาด (เอิ่มคือมันคลื่นไส้มาก แปรงนานไม่ไหวครับหมอ)
- นัดอีกที2เดือนเอาฟลูออไรต์ไป3ขวดนะ
28 กพ. มีนัดกับหมอจมูกเช้า+หมอคีโมตอนเย็น+ฉายแสงครั้งสุดท้ายตอนเย็น แปลว่าต้องออกจากบ้านไปหาหมอแล้วกลับมาก่อนเย็นจึงออกไปอีกรอบ long day again
เมื่อคืนนอนตื่นบ่อยมากเจ็บคอจนตื่นต้องจิบน้ำบ่อยๆเล่นเอาเพลียไปทั้งวัน น้ำหนักบ่ายวันนี้เหลือ 56.6 เท่ากับลดไป1กิโล ต้องพยายามกินเพิ่ม มิฉะนั้นค่าเลือดจะตกแล้วทำให้ต้องไปให้เลือด เย็นมาเจอหมอคีโมเพื่อเช็คว่าพรุ่งนี้ให้คีโมได้ไหม
- ค่าเลือดผ่านปริ่มๆ ค่าไตผ่าน
- ปากเจ็บเป็นแผลมากขึ้นมาจากที่เติมคีโมเข้าไปอาทิตย์ที่แล้ว
- ลิ้นชามาจากคีโมเช่นกัน
- ปกติอาการเจ็บจะพีคสุดตอนท้ายๆ ระบมไปหมดคือช่วงนี้แหละ
- 2อาทิตย์หลังฉายแสงจะเป็นช่วงเวลา critical ที่จะทำให้ไตวายเพราะปากจะเจ็บมากกินอะไรไม่ได้และชะล่าใจว่าจบคอร์สแล้ว แต่ความจริงรังสีกับคีโมยังทำงานต่อไปอีกระยะ
- จะส่องกล้องหลังจากนี้1เดือน ตอนนี้ส่องไปไม่เห็นอะไรเพราะมันบวมหมด
- จะทำmriหลังจากนี้3เดือน
- หมอบอกว่าตามหลักเมื่อตรวจคราวหน้าควรจะหายแล้วเพราะเป็นระยะต้นๆ ถ้าไม่หายหมอบอกว่าปวดหัวกันเลยทีเดียว
- ถ้ากินไม่ได้ น้ำหนักลด ค่าเลือดตก ค่าไตพุ่ง อาทิตย์หน้าต้องเรียกมา admit ให้น้ำเกลือให้เลือดกัน
1 มีค. คีโมครั้งสุดท้ายแล้ว กินข้าวให้เรียบร้อยตอน 7โมงกว่าเพื่อออกจากบ้าน8โมงกว่า แต่วันนี้เจอรถติดกว่าจะถึง9โมงกว่า สายกว่าที่คิดแต่ยังพอรับได้ เที่ยงกินโจ้กที่ศูนย์อาหารตามด้วยนมอีก1กระป๋อง เข้าให้ยาตอนเที่ยงครึ่ง บ่าย4เริ่มหิวออกจากห้องยากินนมไป1กระป๋องก่อนกลับบ้าน เย็นกินข้าวกับไข่น้ำตามด้วยน้ำอีก1แก้ว เวลากินนมแสบปากมาก แสบชนิดน้ำตาไหลแต่ก็ต้องทนกินจนหมดแล้วเพื่อทำน้ำหนักและป้องกันค่าเลือดตก หมอบอกว่าเป็นสัปดาห์วิกฤต ต้องกินให้ได้ monitor บ่อยๆ ดูเองที่บ้านให้ดูสองอย่างคือ น้ำหนักเช้าเย็น และดื่มน้ำให้ได้ 2.5ลิตร ทุกวัน!!
2 มีค. รีบตื่นมากินนมเพื่อทำน้ำหนัก คอยังเจ็บมากต่อไป ลิ้นชาเหมือนเดิม พยายามตื่นมาพ่นยาตอนกลางคืน ก็พอช่วยได้นิดหน่อย วันที่กินอาหารได้อร่อยที่สุดคือวันแรกของการให้คีโม ไม่ใช่เพราะคีโมหรอกนะแต่เป็นเพราะคีโมจากรอบที่แล้วมันหมดฤทธิ์ ส่วนของใหม่ที่ให้เมื่อวานยังไม่ทำงาน ท้องไส้ยังไม่ปั่นป่วน วันนี้จะเป็นวันที่กินอาหารได้ง่ายสุด ไม่มวนท้องไม่ปวดท้อง แต่พอพรุ่งนี้ท้องจะเริ่มไม่ย่อยจากนั้นน้ำหนักจะร่วงลง เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันที่ต้องอัดอาหารทุกอย่างที่กินได้ให้มากที่สุด แต่มีนัดกับหมอจีนตอนบ่าย กินข้าวเที่ยงไม่ทันก่อนออกจากบ้าน ไปรวบกินตอนกลับบ้านรวดเดียว ข้าวต้มหมูกับนม1แก้ว
หมอจีน
- ค่าเลือดอาทิตย์นี้ดีกว่าครั้งที่แล้ว ร่างกายกำลังฟื้นตัวช้าๆ
- แผลในปากผุพอง ให้กินเหล่งเอี้ยงต่ออีก 3ห่อ
- ยาต้มกินอีก1อาทิตย์
3 มีค. ได้พักออกจากบ้าน1วัน น่าจะมีเวลาเคลียร์เมล์เคลียร์งานที่ค้างเยอะหน่อย
น้ำหนักเช้านี้ 56.3 ขึ้นมาจากที่เมื่อวานกินได้ แผลในปากขยายมากขึ้น แต่ความเจ็บน้อยลง ตัวแผลเริ่มแบนและกระจายลง แปลได้ว่าเริ่มจะหายนิดหน่อยแล้ว เช้ากินข้าวต้มกับไข่เจียว ผัดผักบุ้ง ไม่ค่อยเจ็บแผลที่คอ กินนมตามก็แสบน้องลงแล้ว
4 มีค. เสาร์ผ่านไปกับการกินๆ แล้วก้อนอนๆ หมดไปหนึ่งแบบไม่มีอะไร ปากคอเจ็บเท่าเมื่อวาน กินอะไรทีเจ็บน้ำตาไหล กินเสร็จไปนอนแก้เพลีย การกินยังเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุดในแต่ละวัน
5 มีค. อาทิตย์ผ่านอีกหนึ่งวันเช่นกัน ทรมานกับการกินแต่ละมื้อ กินซ้ำๆข้าวต้มมั่งโจ้กมั่ง วนไป เที่ยงกินเส้นเล็กน้ำ กินได้ครึ่งเดียวเพราะเหม็นน้ำมันเจียวสู้กินราเมงไม่ได้ลื่นคอกว่าเยอะ
6 มีค. วันหยุดราชการไม่ต้องทำงาน นั่งๆ นอนๆ




No comments:
Post a Comment