9 พค
มาพบคุณหมอ หูคอจมูกตามนัด เล่าให้หมอฟังเรื่อง เสียงแหบ หมอบอกว่าเป็นอาการปกติของคนฉายแสง ให้เรียนรู้อยู่กับมันไปตลอดชีวิต ได้ยากระตุ้นน้ำลายมาอย่างเดียว
17 พ.ค.
ไปทำ MRI ที่รามา เดิมนัดสองทุ่ม แต่ทาง รพ โทรมาเลื่อนเป็นเวลาบ่ายโมง โชคดีวันนี้เป็นพืชมงคล รพ โล่งมาก ทำ MRI สบาย ไม่ต้องรอคิวต่างๆนาน
19 พค
มาพบคุณหมอที่ไทยนครินทร์ เรื่องเสียงแหบหาย
- เล่าให้คุณหมอฟังว่าอาการเจ็บดีขึ้น แต่วันนี้มีอาการลิ้นชากลับมาได้สองวันเลยมาหาใหม่
- เล่าถึงอาการครั้งที่แล้วว่า กินข้าวไม่ได้ เบื่ออาหาร แต่พอวันรุ่งขึ้นกินได้เยอะ เป็นเพราะยาตัวไหน คุณหมอเฉลยว่าเป็นจากสเตียรอยด์
- คุณหมอส่องคอดูฝาปิดกล่องเสียง มีอาการแดงๆ น่าจะเนื้อเยื่ออักเสบ
- คุณหมอดูคอพบว่ามีเสมหะพอสมควร
- คาดเดาว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากพังพืดที่เป็นผลข้างเคียงจากการฉายรังสี สอบถามว่าทำไมเพิ่งจะเป็นตอนสองเดือน คุณหมอคาดว่าน่าจะเพราะมันเพิ่งจะพีค มีพังพืดหนามากในตอนนี้ทำให้เนื้อเยื่อรอบระคายเคือง เป็น reaction ของร่างกายคล้ายการสร้างแผลเป็น แต่โดยปกติร่างกายจะค่อยๆ ย่อยสลายพังพืดส่วนเกินภายใน 6เดือน ดังนั้นช่วงนี้ให้ประคองอาการไป หลัง6เดือนถ้ายังไม่หายค่อยมาหายสาเหตุอีกที
- เรื่องลิ้นชา เจ็บแปลบ คุณหมออธิบายเพิ่มว่าเซลล์ประสาทตายไปจากการฉายแสง ยาไลลิก้าไม่ได้ช่วยสร้างเซลล์ประสาท แต่จะช่วยไปสร้างเซลล์ support อาหารให้ปลายประสาท เวลากินต้องกินคู่กับวิตามินบี12 เพื่อเป็นสารตั้งต้นให้เซลล์ประสาทเอาไปใช้ได้ รอบนี้ให้กิน 30วัน แล้วค่อยมาดูอาการอีกที
- อาการคอแห้ง และเสมหะเกาะคอ คุณหมอแนะนำว่าล้างจมูกจะช่วยให้เสมหะหลุดง่าย เลยบอกไปว่าตอนนี้ล้างแค่ก่อนนอน ตอนเช้าไม่ได้ล้าง คุณหมอว่าควรทำด้วยจะช่วยได้เยอะ
หมายเหตุ
เซลล์ต่อมน้ำลายตายเพราะรังสีง่ายมาก แต่มีอัตราการแบ่งตัวช้ามาก ดังนั้นอาหารน้ำลายจะเป็นอาการแรก และนานที่สุด
21 พค
อัพเดทรูปบวมน้ำเหลือง ช่วงนี้บวมเยอะ


No comments:
Post a Comment