Monday, January 30, 2023

NPC ตอนที่17 สัปดาห์ที่สี่ของการฉายแสง/คีโมครั้งที่3

 30 มค. วันนี้อาการพะอืดพะอมยังมีอยู่ แต่ไม่มวนท้องแสบท้องเหมือนคราวที่แล้ว ความอยากกินอาหารลดน้อยลง พลังการจินตนาการรสชาติเริ่มถดถอย กินอะไรก็ไม่อร่อย เช้ากินโจ้กได้แต่กินหมูไม่ได้เลย เที่ยงกิยข้าวต้มได้ครึ่งเดียว เย็นกินข้าวไข่เจียว รับรู้ได้แค่ไข่สากๆกินแล้วขนลุกจริงๆ น้ำหนักเช้าวันนี้คือ 56.5กก.

กินน้อยพลังงานน้อย เจอยาแก้แพ้เข้าไป ทำให้นอนเกือบทั้งวัน นอนทั้งที่ไม่ได้อยากนอน แต่นอนเพราะไม่อยากขยับตัว


31 มค. น้ำหนักเช้าวันนี้คือ 56.0กก. วันนี้มาหาหมอENT หมอให้เข้ารวมงานวิจัยวันนี้ต้องอดอาหารเช้าเพื่อไปเก็บลมหายใจสำหรับงานวิจัยจมูกเทียมของหมอ เช้านี้กว่าจะได้กินอาหารเช้าปาเข้าไป10โมง หาอาหารที่กินสะดวกคือขนมปังปลาทูน่าจาก 7-11 แต่กินไปเหมือนเคี้ยวกระดาษสากๆกับเคี้ยวสำลี ด้วยความที่ปากแห้งมากยิ่งเคี้ยวยิ่งฝืด เวลากลืนแทบจะสำลักทันที พอ 10:30 ได้เข้าพอหมอ คุณหมอส่องก้อนเนื้อดูผ่านทางปากเห็นว่าเริ่มยุบลงแล้ว วันนี้ให้ยาพ่นจมูกมา3ขวดจากโครงการวิจัย ป้ายข้างขวดเขียน Placebo ไม่รู้มียาจริงๆหรือเป็นแค่ยาหลอก หมอถามว่าปากแห้งไหมให้ยากระตุ้นต่อมน้ำลาย SalaGEN มากินเพิ่ม หมอบอกว่าช่วยเรื่องน้ำลายแห้งอย่างเห็นได้ชัด และบอกเพิ่มอีกว่าที่คอเจ็บจะเจ็บระบมขึ้นไปอีกตอนใกล้ๆจะจบคอร์ส

SalaGEN

ขวดแค่นี้ราคา 9500 กินได้1เดือน

อาหารเที่ยงเกิดซ่า อยากกินผัดไท ตอนสั่งมากินดีใจฮ่าฮ่า วันนี้จะกินให้ดู กินจริงๆไปได้ครึ่งจานแสบปากมาก คือมันไม่รู้รสเผ็ดเลย แต่กินไปเรื่อยๆปากแสบเหงื่อไหล นั่งซี้ดปากโอดโอยไป สุดท้ายกินไม่หมด จบอาหารเที่ยงขับรถกลับบ้านก่อนรอบนึง สักบ่ายสามค่อยขับออกไปฉายแสง วันนี้เป็นครั้งที่ 14 แล้วเกือบครึ่งทางแล้ว เอ้าฮึ้บ!!

ตอนเย็นความอยากอาหารเริ่มมาแล้ว ฝันว่าอยากกินนี่นั่นโน่น แต่เอาจริงๆกินไม่อร่อยสักอย่าง ใช้จินตนาการนึกเอาว่ารสเป็นแบบไหนพอฝืนๆกินได้บ้าง ยังดีที่ปากยังไม่เป็นแผลเยอะ คาดว่าคงได้ยาจีนช่วยไว้ อาหารเย็นวันนี้กินต้มจืดตั่งโอ๋กับไข่น้ำครึ่งชาม กินกับไก่จ้อไปได้ 1 ชิ้น


1 กพ. เวลากินอะไรไม่รับรู้รสชาติมันรู้สึกเลี่ยนๆพะอืดพะอมกินได้ยากจริงๆ แต่ยังไงก็ต้องกินเพื่อทำน้ำหนัก แถมต้องดื่มน้ำเยอะๆเพื่อรักษาไตไว้อีก กระเพาะไม่มีช่องว่างสำหรับใส่ทั้งอาหารและน้ำพร้อมๆกันจริงๆ ชีวิตติดคอนอีกแล้ว

เช้านี้น้ำหนัก 55.7กก ลดลงจากเมื่อวาน เหตุเพราะเมื่อวานกินได้น้อยแหม่ไปตะลอน รพ สองรอบ เช้าบ่าย แถมกินไปจิ๊ดเดียว จึงต้องพยายามกินให้เยอะๆ เช้ามาเติมนมไป1แก้ว สายๆกินโจ้กหมูไข่1ชาม วันนี้กินได้หมดชามแล้ว เที่ยงกินข้าวคลุกกะปิ เย็นกินข้าวกับปลาสลิด สรุปว่าใน 7วันจะมีแพทเทินแบบนี้ คีโมวันศุกร์ จากนั้นเสาร์+อาทิตย์จะง่วงนอนเพราะยา จันทร์+อังคาร จะท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนเป็นโรคกระเพาะ พุธ+พฤหัสเริ่มกินได้ปกติ พอศุกร์ต้องไปให้คีโมอีกแล้ว มีเวลาปั้นค่าเลือดแค่ 2-3วันเอง

ค่าเลือดวันนี้ยังคงต่ำกว่าเกณฑ์แต่น่าจะผ่านคีโม ศุกร์นี้คงโดนอีกแน่นวล




2 กพ. ฉายแสงไปแล้ว15ครั้ง เยื่อบุในช่องปากเริ่มพอง เวลาเคี้ยวข้าวต้องระวังกัดปากตัวเองให้มากๆ กินข้าวแบบมีสติ เวลานอนไม่สามารถนอนราบได้เพราะจะเจ็บคอตอนกลืนน้ำลาย ใช้วิธีนอนเอนประมาณไม่ให้เมื่อยหลัง ก่อนนอนต้องถูฟัน แปรงลิ้น ขัดฟัน ล้างจมูก เคลือบฟัน พ่นยา เป็นกิจวัตรที่คาดว่าต้องทำไปตลอดชีวิตหลังจากรักษาหายแล้ว

เช้านี้ฝุ่นเยอะ ต้องใส่หน้ากากในห้องทำงานที่บ้านไว้ ตอนเช้าได้เกาเหลาลูกชิ้นหมูมาจากตลาด แม่บ้านเอามาต้มใหม่เพื่อฆ่าเชื้อก่อนกินข้าว รสชาติเหมือนเดิมคือไม่มีรส กินเพราะต้องกินให้ค่าเลือดผ่านเกณฑ์ เที่ยงกินบะหมี่เกี้ยวแห้งกับไข่ขาวน้ำ รีบทำเวลานิดนึงเพราะวันนี้ต้องออกจากบ้านเที่ยง เพื่อไปหาหมอทั้งหมดสามท่าน 

เริ่มจากแพทย์จีน

  • เล่าสรุปอาการให้ พจ ฟังว่าอาการทั่วไปปกติดี ปากเริ่มมีแผลแต่มีข้อสังเกตว่าแผลจะหายเร็ว2-3วัน
  • แผลที่เกิดไม่เจ็บมาก ไม่เหมือนตอนเป็นร้อนในอันนั้นแผลจะบานและลึก
  • การขับถ่ายปกติดี
  • การรับประทานอาหารยังปกติดี
  • พจ บอกว่าโดยรวมๆถือว่าน่าพอใจ จะพยายามรักษาระดับนี้ไปจนจบ
  • จะเพิ่มความเข้มของยาให้อีกนิดนึง
  • อย่าลืมบริหารปากและคอ
  • อย่าลืมกินไข่ขาว5ฟอง ปั้นค่าเลือด

จากนั้นมาหาหมอฉายแสง

  • เริ่มมีแผลในปากและคอมากขึ้น หมอจะให้ยาขี้ผึ้งมาทา
  • ยาขี้ผึ้งเป็นสเตียรอยด์ ดังนั้นถ้าหายแล้วให้หยุดใช้และอย่าใช้เกิน3วัน 
  • เวลาทาให้ทาพื้นที่เล็กเฉพาะจุดที่เป็นอย่าละเลงกว้างๆ เพื่อป้องกันเชื้อราในปาก
  • ยาบ้วนปากไอโอดีนให้ใช้ไปยาวๆ
  • ยากระตุ้นน้ำลายอาจมีผลข้างเคียง เช่นเหงื่อออก ความดันต่ำ

แล้วรีบไปหาหมอคีโม

  • ค่าเลือดผ่าน น้ำหนักติดขอบล่างแต่ยังผ่าน
  • อาทิตย์หน้า ถ้าน้ำหนักลงต่อจะพิจารณาใส่สายจมูก ดังนั้นไปกินมาเยอะๆ
  • ไม่มีอาการแสบท้องแล้ว อาการเบื่ออาหารคือปกติ ต้องฝืนกินต่อไป
  • ท้องผูกจะเกิดซ้ำ ให้กินยาถ่ายไว้เหมือนเดิม

เสร็จแล้วต้องกลับมาห้องฉายแสงอีกรอบเป็นอันจบกระบวนการสำหรับวันนี้ วันนี้ตกคิวรอบตัวเองต้องไปรอต่อคิวสุดท้ายกว่าตะได้ฉาย 20:30 กลับถึงบ้านเวลา 21:20 เหนื่อยโฮก


3 กพ. ครึ่งทางแล้วนะเหลืออีกแค่ครึ่งทาง เวลาผ่านไปเร็วมาก “ ไม่มีทุกข์ใดอยู่นานถาวร ไม่มีสุขใดอยู่กับเราได้ตลอด”

ออกจากบ้าน 08:00 รถติดนิดหน่อยมาถึง รพ 09:15 ทำเรื่อง IPD เสรจไปกินข้าวก่อน แล้วมานั่งรอได้เข้าห้องยาตอน 12:15 เหตุการณ์เริ่มวนซ้ำๆด้วยความชินแล้ว คอเจ็บ ปากแห้งยังคงต้วเท่าเดิม ต้องเน้นเรื่องกินให้เยอะๆ 


4 กพ. ผมร่วงแล้ว ผมร่วงแล้ว จัดการตัดให้สั้นไปเลยละกัน แผลที่คอเริ่มใหญ่ขึ้น เป็นแผลร้อนในแต่อยู่ข้างทอนซิลทั้งสองข้างเลย วันก่อนเป็นจุดนิดเดียววันนี้ยาวเพิ่มเป็นเส้น เริ่มใช้ยาจีนเป่าคอ ยาช่วยให้เย็นรักษาแผลได้อย่างช้าๆ เช้ากินข้าวต้มธัญพืชแปลกที่สามารถรู้รสหวานของอาหารทั้งที่ไม่รับรู้รสน้ำตาลเลย กินไข่ดาวน้ำไป1ฟอง จากวันนี้จะเปลี่ยนแผนจากการกินไข่ขาว5ฟอง มาเป็นกินไข่ทั้งฟองรวมไข่แดงวันละ3ฟอง ที่กินแต่ไข่ขาวเพราะกลัวแคลอรี่เกิน แต่ช่วงนี้เหมือนน้ำหนักจะมีแววไปทางต่ำลงทุกวัน จำเป็นต้องหาพลังงานเสริม ปัญหาที่กลัวไขมันค่อยไปแก้หลังจบการรักษาเอาละกัน เที่ยงแวะมาซีคอนทำธุระ สั่งฮาจิบังต้มยำมากิน เผ็ดมากสงสัยเจ็บที่ปากเป็นแผลอยู่ คราวหน้าต้องระวังกินแต่ของจืด การที่ลิ้นไม่รู้รสทำให้ร่างกายป้องกันตัวเองไม่ได้เลย ตอนกินไม่รู้ว่าเผ็ดมารู้อีกที่คือแสบระบบไปหมดแล้ว


5 กพ. เบื่ออาหารมาตามนัดเป๊ะ เช้ากินนมไป10ช้อน กะว่าจะไปกินบะหมี่เพิ่มแต่สรุปว่ากินไม่ได้ต้องกลับมากินนมอีก10ช้อนแทน วันนี้ปรับตารางชีวิตใหม่ ต้องพยายามไม่นอนราบแม้ว่าจะง่วงแค่ไหน เผื่อว่าอาการเหมือนกรดไหลย้อนจะไม่เป็น เที่ยงกินโจ้กได้หมดชาม ชั่งน้ำหนักบ่ายได้57.6กิโล ถือว่ายังอยู่ในความควบคุมได้ แต่อาการกระอักกระอ่วนนี่เป็นหนักจริงๆ พรุ่งนี้คงดีขึ้นมั้ง



Monday, January 23, 2023

NPC ตอนที่16 สัปดาห์ที่สามของการฉายแสง/คีโมครั้งที่2

 23 มค. เช้านี้เริ่มหิวกินซาลาเปาไปหนึ่งลูก โจ้กชามใหญ่อีกชามนึง นมensure อีกหนึ่งแก้ว เยอะเลยละ น่าเสียดายที่ลิ้นไม่รู้รสไป 90% เค็มนี่หายไปเลย หวานยังพอได้นิดๆ เปรี้ยวจะออกเป็นขมๆ แต่เผ็ดนี่ยังแสบอยู่ น้ำประปาเริ่มรสชาติแบบน้ำกร่อยๆ แบบท่อเหล็กสมัยก่อน

ตารางวันนี้คือออกจากบ้านเร็วนิดนึง ต้องไปยื่นเอกสารเคลมประกัน แล้วไปฉายแสงต่อ ออกจากบ้าน 14:45 ไปถึงบริษัท 15:15 ไปถึงรามา 16:15 เวลากำลังดีสำหรับที่จอดรถ ฉายแสงเสร็จตอน 17:22 วันนี้รวดเร็ว แถมตอนกลับบ้านรถก็ไม่ติดมาก สรุปวันนี้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่

ดื่มน้ำวันนี้ได้ไม่ครบ 2.5 ลิตร ได้มาประมาณแค่ 2.3 ลิตร ใกล้เคียงแหละ


24 มค. เช้านี้เริ่มชาที่คอหอย เวลากลืนจะรู้สึกหนาๆนิดหน่อย หมอบอกว่าจะเริ่มกลืนได้ลำบากขึ้นเรื่อยๆ คงต้องเริ่มมองหาอะไรนิ่มๆ แต่ว่าอาหารเช้านี้คือข้าวหมูอบได้มาจากตลาด แต่เอามานึ่งใหม่ก่อนกินเพื่อลดการติดเชื้อ ช่วงนี้อาหารที่ซื้อเกือบทุกอย่างถ้าไม่ใช่ทำสุกใหม่ๆจะต้องนึ่งทุกครั้ง เช่นพวกข้าวตัก หรือข้าวมันไก่ แต่ถ้าเป็นอาหารทำสุกหรืออาหารตามสั่งจะไม่ต้องนึ่ง หลังกินข้าวต้องแปรงฟัน กลั้วเบตาดีน ล้างจมูก 

วันนี้ท้องผูกเป็นวันที่ 5 แล้วนับจากวันที่ให้คีโม เริ่มทนไม่ได้แล้วจึงกินยา milk of magnesia เข้าไป 45cc ตั้งแต่ 05:45 พอ 06:15 เริ่มถ่ายได้ และมาถ่ายหมดไส้ตอน 14:20 เด่วต้องระวังรอบคีโมวันศุกร์นี้อีกครั้งว่าจะเป็นซ้ำไหม แต่หมอบอกล่วงหน้าอยู่แล้วว่ายาแก้คลื่นไส้จะทำให้ท้องผูก 

อ้อ วันนี้ยังเจอว่าจมูกเริ่มมีเลือดไหลซึมๆข้างขวา ต้องจดไว้ไปบอกหมอถึงการเปลี่ยนแปลง อ้างอิงถึงกระทู้นี้ คนที่ฉายรังสีโพรงจมูกมักจะเป็นกันหลายคน http://pantip.com/topic/32773003/comment10

 

ชีวิตช่วงนี้ก็จะวนไปตามลูป วันไหนไม่ต้องเจอหมอก็จะออกจากบ้านบ่ายสาม แต่ถ้าเจอหมอก็ต้องออกเที่ยงมั่ง บ่ายสองมั่ง วันนี้เป็นตารางไม่ต้องเจอหมอ จะออกจากบ้านตอน 15:00 เพื่อไปฉายแสงอย่างเดียว อาหารการกินเริ่มกินไข่ตุ๋นวันละสองมื้อ มื้อละ 2ฟอง พรุ่งนี้ไปเจาะเลือด ต้องลุ้นว่าค่าเลือดจะเป็นอย่างไร ให้คีโมต่อได้ไหม


25 มค. เช้านี้อากาศเย็น 20 องศา ทำให้ไม่ค่อยอยากกินอะไรมากนัก มันเย็นๆ ง่วงๆ ชั่งน้ำหนักตอนเช้าได้แค่ 55.6 กก. น่าจะเพราะเมื่อวานถ่ายท้องจดหมดการดูดซึมคงน้อยไปนิด แต่วันนี้ถ่ายได้เป็นปกติแล้ว หลังจากนั้นกินขนมจีบปูไป2ไม้กับไข่ตุ๋น1ถ้วย ตามด้วยกล้วย2ลูก อิ่มแต่ไม่ค่อยได้แคลอรี่เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าน้ำหนักจะลงไหม 

เที่ยงกินข้าวหมูกระเทียมกับไข่ตุ๋น รสชาติไม่มีเลย แห้งๆสากๆ แต่ยังพอกินได้ ช่วงบ่ายออกจากบ้านบ่าย3 ที่จอดรถที่ตึกพระเทพวันนี้แน่นมาก วนรถ1ชั่วโมงยังไม่ได้ที่จอดรถเลยกว่าจะได้จอด 16:30 รีบไปเจาะเลือดเพื่อให้หมอดูพรุ่งนี้ จากนั้นไปห้องฉายแสงรอนานมาก กว่าจะได้ฉายจริง 18:30 จ่ายเงินเสร็จเกือบ 1ทุ่ม ต้องหาข้าวกินก่อนเพราะกว่าจะกลับบ้านคงหิวแย่ สรุปวันนี้ถึงบ้าน 20:30  

อาการช่วงนี้เริ่มมีการเปลี่ยนเล็กน้อย ปากเริ่มแดง ผนังคอด้านในเริ่มเจ็บ เวลาหาวหรือไอจะเจ็บมากขึ้น กล้ามเนื้อคอเริ่มตึงนิดๆต้องอย่าลืมบริหาร อาหารยังต้องควบคุมเรื่องความสะอาด บอกตัวเองบ่อยๆจะได้ไม่เผลอลืม 


26 มค. ผลเลือดออกแล้ว เป็นเลือดจางนิดหน่อย ค้นหาข้อมูลเจอว่าเป็นผลกระทบจากคีโม คงต้องกินอาหารที่สามารถเพิ่มค่าเลือดแต่รอปรึกษาหมอคีโมเย็นนี้ก่อน 




วันนี้มีคำถามที่อยากถามหมอคีโมด้วยเรื่องผื่นลมพิษ ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน มีนาคมปีที่แล้ว (หลังจากฉีดวัคซีน mRNA) จะเกิดผื่นลมพิษคันมากๆ เป็นทุกๆ 4วัน ต้องกินยาแก้แพ้ผื่น ช่วงหลังๆตอนเดือนตุลาคมจะเป็นหนักทุกๆ 2วัน ช่วงฉายแสงเมื่อต้นเดือนยังคงเป็นอยู่ กินยาเม็ดล่าสุดไปเมื่อวันที่ 16มค แต่หลังจากให้คีโมไปวันที่ 18มค จนถึงวันนี้ยังไม่มีอาการคันเลย มีคันบ้างตามอากาศแห้งแต่ไม่ใช่ผื่นลมพิษ อันนี้คือแปลก มากๆ นับรวมได้ 11วันแล้ว เคยไปหาหมอภูมิแพ้ที่ รพ หมออธิบายว่าผื่นลมพิษเกิดจากการทำงานที่ผิดเพี้ยนของภูมิในร่างกาย โดยปกติจะกินยาแก้แพ้บรรเทาไปสักประมาณ 1ปี ร่างกายจะปรับสภาพแล้วหายเองได้ หรือในบางกรณีอาจจะมีแพ้จากสารต่อต้านเซลล์มะเร็งในร่างกายตัวเองซึ่งหมอไม่สามารถบอกได้ว่าที่เป็นนี้มาจากอะไร ถ้าสิ่งที่หมอภูมิแพ้บอกเป็นข้อมูลที่ถูกแปลว่าคีโมลดสารต่อต้านเซลล์มะเร็งได้เร็วมากๆเลย
<<< รูปเก่าปีที่แล้ว เดือน July 2022

เที่ยงออกจากบ้านไปหาหมอจีนเป็นอันดับแรก ได้เข้าหาหมอตอน บ่ายกว่าๆ
  • หมอบอกว่าค่าเลือดดี ตกเกณฑ์ไปนิดเดียว แต่มันคือปกติของการให้ยาคีโม
  • โดยรวมๆร่างกายปกติดี หมอจะเพิ่มยาให้อีกนิดหน่อย
  • พยายามบริหารปากบ่อยๆ จะมีส่วนช่วยให้ต่อมน้ำลายไม่แห้งตาย
  • จะให้ยาพ่นแผลไปขวดนึงเอาไว้พ่นปาก พ่นคอ
  • หมอจีนเปรียบดั่งกองหนุน คอยพยุงให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อสามารถให้ทนต่อการรักษาได้จนจบแผน

จากนั้นขับรถกลับรอคิวหมอฉายแสง
  • หมอสงสัยว่าวันนี้น้ำหนัก 57กก แต่อาทิตย์ที่แล้ว 59กก ทำไมสวิงจัง
  • เลือดที่ออกจมูกถ้าไม่ได้ไหลเป็นน้ำออกมาเป็นแก้ว มีเพียงเป็นเส้นสายติดน้ำมูกออกมาถือว่าปกติ เนื้อเยื่อมันอักเสบได้
  • โดยรวมๆ ถือว่าได้ไปต่อ

ข้ามตึกไปหาหมอคีโม
  • หมอบอกว่าค่าเลือดดี ค่าไตดี คุณได้ไปต่อ พรุ่งนี้ให้คีโมรอบสอง
  • ดื่มน้ำให้ได้แบบนี้ รักษาค่าไตแบบนี้ จะได้ให้ยาจนครบ
  • ค่าเลือดจะทรงๆประมาณนี้ ถ้ารักษาน้ำหนักให้คงที่ได้เท่านี้ตลอดระยะเวลา
  • แต่ว่า ปัญหาใหญ่คือ อาทิตย์หน้าคอจะเจ็บมากขึ้นอีก กินอะไรแทบไม่ได้ ดังนั้นให้เตรียมเรื่องอาหารเหลวไว้ชดเชยอาหารหลัก ให้ปรับอาหารเองได้เลยไม่ต้องรอหมอสั่ง
  • Ensure ปริมาณที่เพียงพอต่อการรักษาน้ำหนักเพื่อให้คีโมคือ วันละ60ช้อน แบ่งกิน 4 มื้อ ในขณะที่ 1 กระป๋อง ตวงได้88ช้อน ราคา 690บาท นั่นคือกินวันละ 70%ของหนึ่งกระป๋อง
  • ถ้ามื้อไหนกินอาหารหลักไม่ได้ ให้ชดเชยด้วยอาหารเหลว 15ช้อนเพื่อนพยุงน้ำหนัก
  • การให้คีโมครั้งที่แล้วมีอาการท้องเกร็ง เจ็บกระเพาะ หมออธิบายว่าเป็นผลข้างเคียงของยาสำหรับบางคน ดังนั้นรอบนี้จะให้ยาโอมิพาโซมากินเอาไว้เลย ระยะเวลาที่ต้องกินคือ 3เดือน โดยกินเช้าและก่อนนอน
  • ครั้งที่แล้วท้องผูก อันนี้มาจากยาเช่นกัน ดังนั้นจะให้ยามะขามแขกมากิน เช้าเย็น แต่เมื่อกลับมาถ่ายปกติหรือผ่านไป2-3วัน ควรจะหยุดได้
  • ปากที่เจ็บ โดยทั่วไปจะกลับมาหายดีใน 3-6เดือน

ย้ายกลับมาฉายแสงอีกตึกนึงแจ้งคุณพยาบาลว่ากลับมาแล้วนั่งรอแป๊บนึงได้คิวฉาย เสร็จเรียบร้อยเดินกลับไปเอารถที่ตึกพระเทพฯ ถึงบ้าน 20:30 ตรงเวลาเดิม


27 มค. เมื่อวานฉายแสงเป็นครั้งที่ 11 จากบันทึกข้อมูลของคนอื่น เมื่อฉายแสงเกิน10ครั้ง ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ดังนั้นวันนี้จะบันทึกแบบลงรายละเอียดนิดนึง

  • เมื่อคืนนอนแทบไม่ได้ เจ็บคอเวลากลืนน้ำลายเหมือนมีก้อนหินอุดที่คอหอย ทุกครั้งที่กลืนจะตื่น แก้ปัญหาด้วยการหนุนหมอนสูงแบบสูงมากจนแทบจะนั่งเอน พอจะได้หลับบ้างเป็นระยะ 
  • เช้ามาน้ำลายแห้ง95%แล้ว ยิ่งทำให้บาดคอมากขึ้นไปอีก ทั้งแห้งทั้งเจ็บจากแผลแดงๆเรื่อๆในช่องปากทำระจายทั่วไป
  • จมูกเริ่มมีแผลเหมือนแผลร้อนใน แต่เป็นที่เยื่อในโพรงจมูก คราวนี้เป็นสองข้างเลย
  • เพดานปากเริ่มมีตุ่มแผลแล้ว ตุ่มอยู่หลังฟันหน้า
  • เวลากลืนน้ำจะเจ็บ อารมณ์ประมาณรู้สึกเหมือนกลืนกล้วยที่ลืมเคี้ยว ทั้งที่เป็นน้ำเหลวๆ
  • สาเหตุคือตำแหน่งของ nasopharynx คือตำแหน่งหลังคอหอย ซึ่งอยู่หลังหลอดอาหาร (ประมาณ หลังลิ้นไก่) เวลากลืนจะมีการขยับของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น เมื่อฉายแสงรักษา NPC ทำให้เจ็บไปรอบๆการกลืนจึงลำบาก ดูได้จากรูป ตำแหน่งที่เป็นสีน้ำเงิน

จองเวลาคีโมได้ตอน 11:00 ต้องไปถึงก่อน10:00 ควรจะออกจากบ้าน 08:30 วันนี้รถติดมาถึงจริง 10:12 นี่ขนาดเผื่อเวลาแล้วนะ พยาบาลนัดเข้าบำบัดห้องตอน 12:00 แนะนำให้ทานข้าวก่อน ได้เริ่มเจาะเส้นเลือดจริงๆ ตอน12:12 น้ำเกลือขวดแรกใช้เวลา 2ชั่วโมง จากนั้นตามด้วยยาแก้แพ้ และตามด้วยยาอีก 1.5ชั่วโมง เสร็จเรียบเวลา 17:00 พอดี

จากนั้นมารอฉายแสงวันนี้คนรอฉายน้อย ทำเสร็จเวลา 17:40 ตารางเวลาแบบนี้ไม่เหนื่อยเกินไป ติดที่จอดรถที่ลานนางเลิ้ง ต้องนั่งแท็กซี่ไปเอารถอีกต่อนึง


28 มค. วันนี้คอเจ็บน้อยลงนิดนึงแต่รู้สึกว่าพนังคอหนาขึ้น แผลในปากที่เกิดเมื่อวานวันนี้ยุบลงนิดหน่อย เวลากลืนไม่เจ็บแต่กลืนให้ของลงคอยากนิดนึง แพลนวันนี้คือต้องดื่มน้ำ2.5ลิตร กินกล้วย5ผล กินนม2แก้ว กินข้าวให้ได้3มื้อ เพื่อรักษาน้ำหนักและพยุงการทำงานของไต นมเพิ่มจากแก้วละ6ช้อนเป็น8ช้อน วันนี้ไม่มีกิจกรรมไป รพ มากนัก ขอใช้พื้นที่บ่นเรื่องชีวิตติดคอน (conflict life) สักหน่อย

  • ทำแปรงสีฟันต้องสะอาดๆ//แต่แปรงมากเจ็บปากเจ็บเพดาน
  • กินข้าวถ้ากินเยอะๆไม่ได้ให้แบ่งกินบ่อยๆ//แต่กินทุกครั้งต้องแปรงฟันทุกครั้ง
  • แปรงฟันบ่อยๆ กันฟันผุ // แต่แปรงมากจฟันสึก
  • ดื่มน้ำเนอะๆป้องกันไตวาย //แต่พอน้ำเยอะกินข้าวไม่ได้


29 มค. วันนี้เป็นวันที่สองหลังใหคีโมของคีโมรอบนี้ อาการกระอักกระอ่วน ที่เป็นครั้งที่แล้ว วันนี้มาตรงเวลาเด๊ะ ที่ดีกว่าครั้งที่แล้วคืออาการเจ็บแสบกระเพาะครั้งนี้ไม่มีเพราะหมอให้ยาลดกรดมากินล่วงหน้า แต่อาการที่กินข้าวแล้วเหมือนไม่ยอมย่อยยังเป็นอยู่

วันนี้ลิ้นไม่รู้รสชาติ100%แล้ว กินอะไรเริ่มเหม็นอาหาร แต่ต้องพยายามกินเพื่อรักษาน้ำหนัก วันนี้ชั่งได้ 57.5กก ถือว่ายังคงที่ระดับเดิม เวลาลิ้นไม่มีรส แล้วเจอยาคีโม อาการคลื่นไส้ กระอักกระอ่วน มวนท้อง นี่รุนแรงมากกินอะไรพาลจะอาเจียนออกมาให้ได้ ทำให้กินข้าวได้น้อยลง




Monday, January 16, 2023

NPC ตอนที่15 สัปดาห์ที่สองของการฉายแสง/คีโมครั้งที่1

16 มค. วันนี้ไม่มีนัดกับหมอ มีแค่ฉายแสงตอน18:00 ขับรถออกจากบ้านประมาณ15:00เหมือนเดิมเพื่อหลบรถติด จริงๆพรุ่งนี้จะมีนัดกับหมอคีโม ต้องไปเจาะเลือดล่วงหน้า3ชั่วโมง แต่ไหนๆวันนี้ก็ต้องมาอยู่แล้ว เจาะล่วงหน้าอีก1วันไปเลย ไม่ต้องไปเสียเวลารอผลเลือด

จากนั้นไปรอที่หน้าห้องฉายเวลา 16:00 นั่งรอสักพักได้คิวฉายตอน 17:15 วันนี้เครื่องฉายหมุน 3 รอบเหมือนวันก่อน เสร็จราวๆ 17:40 แต่วันนี้จอดรถอีกตึกทำให้ต้องเดินไปเอารถ กว่าจะได้ออกจาก รพ. ประมาณ 18:00 ถึงบ้านตอน 19:00


17มค. เช้านี้อาการทั่วไปยังปกติดี ไม่มีเจ็บปาก ไม่มีเจ็บคอ แต่น้ำลายเริ่มน้อย ปากเริ่มแห้ง ต้องระวังเรื่องฟันผุให้มากๆ ยังไม่มีอาการขากรรไกรตึง ยังไม่มีอาการคอตึง มีแต่ง่วงทั้งวันเลย

ตอนบ่ายออกจากบ้านเวลา14:30 กะจะให้ถึง รพ. 15:30 จะได้มีที่จอดรถเยอะหน่อย ลงทะเบียนวัดความดันเสร็จ16:00 ไปนั่งรอหมอ กว่าจะได้เข้าห้อง 17:20 ออกมาตอน 17:40 หมอบอกว่า

  • ผลเลือดปกติทั้งหมด สามารถให้คีโมได้
  • หมอตรวจไวรัสตับบีกับตับซีไปด้วย ไม่เป็นทั้งคู่
  • ยาคีโมที่ให้จะมีอาการข้างเคียง จะให้ยาแก้คลื่นไส้ก่อนใส่ยาคีโม
  • จะมียาแก้แพ้แก้คลื่นไส้อีกตัวเม็ดสีเหลืองไว้กินตามอาการ
  • อาการคลื่นไส้จะเป็นหลังให้คีโม1วันและจะกินระยะเวลา2-3วัน
  • ยาคีโมชื่อ IV+Cisplatin
  • ให้ทางสายน้ำเกลือระยะเวลา5ชั่วโมง
  • อาการแพ้ยาใดๆ ถ้าครั้งแรกเกิด จะเกิดซ้ำทุกครั้ง แต่ถ้าอะไรที่ไม่เกิดจะไม่เกิด จะไม่มีอาการสะสม ไม่เหมือนฉายแสงที่จะสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ
  • ยาตัวนี้มีผลต่อไตมาก คน10%จะเกิดไตวาย วิธีการป้องกันคือต้องกินน้ำเยอะๆ ให้ได้2.5ลิตรต่อวันทุกวันตลอด ไม่ใช่แค่วันที่ให้คีโม
  • จองห้องให้เคมีบัดบัดที่ชั้น5
  • หมอบอกว่าการให้คีโมใหญ่หลังฉายแสงครบเลิกทำมาหลายปีแล้ว งานวิจัยบอกว่าไม่ได้ช่วยอะไร

อาทิตย์หน้าหมอลาวันอังคาร นัดมาเจอหมอวันพฤหัสแทนแล้วจะให้คีโมวันศุกร์ ตารางใหม่ชนกับหมอฉายแสงพอดีต้องจัดสรรเวลาใหม่ พยาบาลอายุรกรรมบอกว่าให้มาลงทะเบียน วัดความดันให้เรียบร้อยแล้วค่อยไปหาหมอฉายแสง จากนั้นค่อยกลับมาทางอายุรกรรม คลินิกปิดประมาณ 18:30

จากนั้นรีบเดินไปห้องฉายแสงยื่นบัตรตอน18:00คิดว่าทันเวลา แต่นักรังสีบอกว่าควรมายื่นบัตรอย่างน้อย17:30 เพื่อให้ได้คิวภายในรอบ18:00 สำหรับวันนี้ตกรอบแล้วต้องไปรอคิว19:00 ถ้ามีตรวจแผนกอื่นก่อนมาฉายแสงให้แจ้งล่วงหน้าเพื่อจัดคิวรอ นั่งรอกว่าจะได้เข้าคือทุ่มกว่า วันนี้เครื่องฉายหมุนสามรอบ ออกจากห้องฉาย 19:30 หิวมากรีบไปหาข้าวกินตอน 19:45 ศูนย์อาหารปิด 20:00 เหลือแค่ข้าวมันไก่ร้านเดียว กินเสร็จจาก รพ 20:00 แต่ข้อดีคือรถไม่ติดเลยถึงบ้านตอน 20:30

แนวทางการรักษาโรคมะเร็งโพรงหลังจมูก

https://www.chulacancer.net/patient-knowledge-inner.php?id=622

ยา Cisplatin

ยาเคมีบำบัดสูตร Cisplatin/Gemcitabine

ผลข้างเคียงทั่วไปและการดูแลตนเองเบื้องต้นจากยาเคมีบำบัด

ซิสพลาติน


18มค. มีนัดให้คีโมตอน 12:00 ต้องมาก่อน 1 ชั่วโมงคือ 11:00 วันนี้ไม่เอารถไปเพราะหมอบอกว่าให้ยาวันแรกยังไม่รู้ว่าอาการจะเป็นอย่างไร กลัวว่าจะขับรถกลับไม่ไหวเลยตัดสินใจนั่ง BTS ไปแล้วนั่งแท็กซี่กลับสำหรับวันแรก ครั้งต่อไปถ้ารู้อาการแล้วค่อยวางแผนเอารถมาอีกที

 ออกจากบ้าน 09:30 มาถึง รพ. 10:30 จัดแจงลงทะเบียนเนื่องจากการให้ยาวันนี้มีระะเวลานาน 6ชั่วโมง สามารถเลือกได้ว่าจะลงทะเบียนเป็นคนไข้ใน Day Case ได้ ลงทะเบียนแล้วไปจ่ายเงินที่การเงินชั้น6 ค่ายารวมค่าเตียง 3พันกว่าบาท จากนั้นมายื่นคิวเตียงตอน 10:45 จากนั้นไปกินข้าว แปรงฟันให้เรียบร้อย เที่ยงมานั่งรอเรียกชื่อ ได้เข้าห้องตอน 12:30 พยาบาล มาเปิดเส้นเลือดเพื่อรอยา สูตรการให้ยาวันนี้ จะเป็น

  • ให้น้ำเกลือเพื่อเตรียมไต2ชม. 500cc เริ่มตอน 12:45
  • จากนั้นฉีดยาลดการคลื่นไส้ 50cc
  • ฉีดยาแก้แพ้ 1เข็มเข้าทางเส้น
  • ให้ยาชื่อ IV+Cisplatin 65mg เริ่มตอนเวลา 14:50 (Kemoplat) อัตรา 210ml/hr
  • สิ้นสุดการให้ยาตอนเวลา 16:50

นั่งให้น้ำเกลือไปสักพักมีพยาบาลมาแจกคู่มือการดูแลตัวเอง1เล่ม แนบนามบัตรพร้อมเบอร์ติดต่อและแบบประเมินอาการ 1แผ่นสำหรับแจ้งอาการฉุกเฉินเมื่ออยู่บ้านตามรูป


คุณพยาบาลสรุปขั้นตอนการดูแลตัวเองให้ฟังดังนี้
  • ยาCisplatin มีผลต่อไตสูง เน้นเรื่องการดื่มน้ำเยอะๆ มากกว่า 2.5ลิตรต่อวัน ดื่มทุกวัน
  • ยาCisplatin ที่ให้จะมีผลข้างเคียงคือคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นจะมียาเม็ดสีเหลืองให้ไปด้วย ถ้ามีอาการที่บ้านให้กินได้ แต่ยาเม็ดจะทำให้ท้องผูก
  • นอกจากคลื่นไส้อาจจะมีอาการอื่นเช่น เบื่ออาหาร เจ็บในปาก เจ็บในลำคอ หากมีอาการมากให้กลั้วคอด้วยน้ำสุกผสมเกลือ
  • ยาสีฟันแบบไม่แสบปากจะช่วยให้ปากไม่เจ็บ งดใช้น้ำยาบ้วนปาก งดอาหารรสจัด ที่จะทำให้ปากเป็นแผล
  • ผลข้างเคียงจะมีประมาณ 2-3วัน แล้วจะค่อยๆดีขึ้น
  • แผลในร่างกาย ถ้าเป็นแผลปิดแล้วไม่มีผล ยกเว้นแผลสด แผลไม่ปิด อาจจะมีการติดเชื้อได้
  • หากมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ให้รีบมาแผนกฉุกเฉิน หรือ รพ ใกล้บ้าน (ดูตามคู่มือประเมินตนเอง)
    • มีไข้มากกว่า38
    • ท้องเสียหนัก
    • ทานข้าวไม่ได้
    • อาเจียนหนัก
  • เมื่อยาCisplatin ทำงานจะมีผลให้ภูมิตก ดังนั้นหลีกเลี่ยงการอกนอกบ้านไปยังที่คนเยอะๆ หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
  • อาหารการกินสามารถกินได้ทุกอย่างที่ปรุงสุก100%
  • งดกินผักสลัด ผักดิบ งดต้นหอม ผักชี
  • ผลไม้พวกที่มีเปลือกกินได้โดยการปอกเปลือกก่อนกินเช่นแอปเปิล ส้ม สาลี่ กล้วย
  • ผลไม้ที่กินทั้งเปลือกให้งด ไม่ควรกินเช่นองุ่น สตอเบอรี่
  • เน้นอาหารที่โปรตีนสูงๆ เช่นไข่ขาว4-5ฟองต่อวันและพักผ่อนเยอะ เพื่อให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดทดแทน
  • งดอาหารหมัก อาหารดอง หรืออาหารที่มีจุลินทรีย์
  • นมให้เน้นเป็นนมUHTเพราะปลอดเชื้อ ไม่กินนมถั่วเหลืองข้างทาง
  • อาหารตามร้านให้ดูความสะอาดเป็นหลัก

หลังจากให้คีโมเสร็จ พยาบาลให้สังเกตอาการ ไม่มีคลื่นไส้ ไม่เวียนหัว ไม่เพลีย ให้กลับบ้านได้ เวลา 17:00 ทำกิจกรรมได้ปกติ ให้ระวังเรื่องที่ชุมชนและการติดเชื้อ ไปรับยาเม็ดกลับบ้าน ได้ยามาสองตัวคือ olanzapine 5mg ตัวนี้ป้องกันการคลื่นไส้ให้กินจนหมดจะมีอาการง่วงนอน อีกตัวคือ ondansetron 8mg ตัวนี้กินเมื่อมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตัวนี้กินแล้วท้องผูก 

จากนั้นรีบไปห้องฉายแสงอีกตึกเพื่อให้ทันรอบ 18:00 ที่นัดไว้ ได้เข้าห้องฉายเวลา 18:02พอดี วันนี้มีอาการแพนิคเครื่องฉาย คือตอนที่โดนหน้ากากกดยึดหน้าไว้จะเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ยังพอทนได้ คราวนี้เวลาเครื่องฉายทำงานหมุนรอบมีเสียงดัง เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว คุมร่างกายไม่ได้ หายใจไม่ออก พยายามดึงสติกลับมา แต่ทำได้แค่รอบสอง พอรอบสามต้องกลั้นหายใจเอาทนจนสุดเกือบทนไม่ได้ เสียงหัวใจเต้นดังมาก น้ำตาไหล หายใจหอบแฮกๆ ต้องลองไปหาว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

ขากลับตัดสินใจจะนั่งแท็กซี่เพื่อหลีกเลี่ยงรถไฟฟ้าเป็นการป้องกันการติดเชื้อจากคนหมู่มากในรถไฟฟ้า แต่หารถไม่ได้เลย สุดท้ายกลับรถไฟฟ้า มีอาการเมารถไฟฟ้าครั้งแรกในชีวิต ยืนเฉยๆ มองไกลสักพักหาย อาทิตย์หน้าคงต้องเอารถมาเอง กลับแบบวันนี้ไม่สะดวกหลายอย่าง


19มค. เช้านี้ตื่นมีอาการพะอืดพะอม กินข้าวได้ลำบาก แต่ไม่คลื่นไส้ ไม่อาเจียน กินโจ๊กไข่ได้แต่กินหมูไม่หมอมันแหยะๆ เลี่ยนๆ เที่ยงกินข้าวผัดได้หมดจานแต่ก้อยังพะอืดพะอมอยุ่ มีนัดกับหมอฟันเพื่อทดสอบฟันยางสำหรับใส่ฟลูออไรต์ตอน 14:00 ต้องออกจากบ้านเวลา 12:30 ถึงลานจอดรถนางเลิ้ง 13:17 รอรถรับส่งของ รพ มาถึงอาคาร3 ตอน13:35 ทันเวลาพอดี

สรุปข้อความของหมอฟัน

  • ยังแปรงฟันล่างหน้าไม่ดีพอ มีคราบอาหารติด ต้องหัดแปรงตามซี่ฟันและโค้งฟัน หากมีหินปูนเกาะจะเร่งให้เกิดเหงือกอักเสบจากฉายแสง
  • จะมีฟลูออไรต์ให้ไปเคลือบก่อนนอน ใช้ช้อนตักปาดใส่ยางฟัน เกลี่ยให้เท่าๆกัน ปริมาณให้ทดลองกะเอาอย่าให้ล้น กดถาดยางใส่ฟันอันใหญ่ด้าน อันเล็กด้านล่าง ใส่แล้วอมห่อๆไว้ 5นาที อย่ากัดมันจะแตก อมแล้วอย่ากินน้ำอีก ถ้าฟลูออไรต์เยอะไปให้บ้วนออกได้ แนะนำให้ทำก่อนนอน ทำเสร็จแล้วไปนอนจะได้ระยะเวลาเคลือบนานที่สุด สารเคลือบจะต้านกรดจากแบคทีเรียช่วยให้ฟันผุช้าลง ให้จดบันทึกจำนวนวันที่ใช้ด้วย คราวหน้าจะได้สั่งปริมาณถูก
  • ต้องใช้ไหมขัดฟันให้ถูกวิธีด้วย คือต้องโอบฟันพอดี และตอนกดไหมอย่าให้โดนยอดเหงือกสามเหลี่ยม แต่ให้ค่อยๆไถจนลงร่องเหงือก มิฉะนั้นเหงือกอาจร่นได้
  • ใช้ผ้าก้อซชุดน้ำเกลือพันนิ้ว
  • แปรงลิ้นจนขาวหรือชมพู อย่าให้มีคราบสีเหลืองหรือสีน้ำตาล
  • แปรงฟันแปรงได้บ่อย อย่าใช้แรงเยอะเน้นการปัดฟันให้เหมือนปัดฝุ่น อย่าให้เหมือนการขัดพื้น
  • ต้องเริ่มบริหารการอ้าปาก โดนการอ้าปากให้สุดและใช้นิ้วช่วยง้างปากเหมือนฉีกทุเรียนค้างไว้นับ1-20 ถือว่าเป็น1เซท ทำเช้า10เซท เย็น10เซท


สรุปข้อความของหมอฉายแสง

  • โดยรวมๆยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แผนยังเหมือนเดิม น้ำหนักขึ้นเป็น 59 กิโล หมอให้ระวังจะสวมหน้ากากไม่ได้
  • อาทิตย์หน้าจะเริ่มเจ็บคอ เจ็บปาก หมอเลยให้ยาไอโอดีนมากลั้วคอ เป็นยาแบบเข้มข้น ใช้ 1cc ผสมน้ำ 30cc กลั้วคอ เช้ากลางวันเย็น
  • ลิ้นจะเริ่มเพี้ยนอาทิตย์หน้าเช่นกัน คาดว่าจะกินได้น้อยลง

จากนั้นไปรอฉายแสงตอน 16:00 กว่าๆ ได้เข้าห้องฉายราวๆ 17:40 เวลาเดิม วันนี้ใช้วิธีหลับตาเอาลด แพนิคเครื่องฉาย ได้ผลนิดหน่อย แต่ยังมีอาการหัวใจเต้นเร็วอยู่บ้าง แต่ก็พอควบคุมได้


20มค. เดิมทีมีนัดกับหมอจีนวันเสาร์21 แต่ตรงกับวันตรุษจีนจึงขอเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน ออกจากบ้าน12:30 นัดหมอจีนไว้ 14:00 หมอสักถามอาการทั่วไป

  • เน้นเรื่องการบริหารคอมากๆ
  • เน้นเรื่องกินอาหารเยอะๆ
  • ให้กินไข่ขาว5ฟองต่อวัน ต้องการอบูมิน เพื่อเอาไปสร้างเม็ดเลือด อยากให้กินไข่ขาวสดมากกว่าไข่ขาวเม็ด ส่วนไข่แดงกินแค่1ฟองพอ
  • กินสาลี่จะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายได้ไม่ให้ฟ่อ
  • กินบ้วยเค็มก้อกระตุ้นต่อมน้ำลายได้เช่นกัน
  • อย่ากินผักสดเพราะกลัวติดเชื้อ

แนวทางการดูแลตัวเองของหมอจีนเป็นไปในทิศทางเดียวกับหมอคีโม เพียงแต่หมอจีนมีรายละเอียดเยอะกว่า เสร็จจากหัวเฉียวรีบไปรามา ไปถึง16:15 ได้ที่จอดรถตึกมูลนิธิตามแผน นั่งรอฉายแสงได้ทำตอน 17:13 ออกจากห้องฉาย 17:22 ดีใจว่าจะได้กลับบ้านเร็วที่ไหนได้รถติดบนทางด่วนมาก ถึงบ้าน19:30ใช้เวลาไป 2ชั่วโมง กลับมากินข้าวได้หน่อยนึง มีอาการปวดกระเพาะและมวนท้องตลอด พอตอน21:00กินยาจีนเพิ่มเข้าไป แพรบเดียวอาเจียนออกมาหมด แต่ก็ดีอาการไม่สบายท้องหายหมด เสร็จแล้วไปอาบน้ำนอน รวมๆแล้วดื่มน้ได้แค่ 2.0 ลิตร ไม่ถึง 2.5 เท่าที่หมอสั่งไว้


21 มค. เช้ามายังมีอาการมวนท้องอยู่ จึงกินยา ondansetron 8mg เข้าไปเม็ดนึง แล้วไปนอนสักพัก ตื่นมากินโจ๊กไปแต่อาการมวนท้องยังมีอยู่ จึงไปนอนต่อกว่าจะรู้สึกดีเกือบเที่ยง เที่ยงแม่ทำบะหมี่หมูอบมาให้กิน อาการเริ่มท้องเริ่มก็เริ่มหิวกินได้หมดชาม เย็นนี้ต้องไปกินงานรวมญาติตรุษจีนอีก พร้อมกินไหมเนี่ย!! สรุปวันโดยรวมๆแล้ววันนี้ดื่มน้ำไป 2.4 ลิตร ยังไม่ครบ 2.5 ลิตรเลย


22 มค. เช้านี้ปากเริ่มไม่รับรู้รสชาติแล้ว กินก๋วยเตี๋ยวเหมือนซดน้ำเปล่ากร่อยๆ กินหมูเหมือนเคี้ยวกระดาษ กินทอดมันเหมือนเคี้ยวหมากฝรั่ง แต่ยังดีที่จมูกยังได้กลิ่น ใช้จินตนาการเวลากินไปก่อนละกัน ที่ยังพอโอเคคือเริ่มกินได้ มีความรู้สึกอยากกินบ้าง อยากกินขนมปังเผือก อยากกินมันฝรั่งเลย์ แต่ปากแห้งกินไม่ได้ คอด้านในเริ่มรู้สึกว่าเวลากลืนเหมือนมีก้อนอะไรค้างที่หลังลิ้นไก่ แต่ยังไม่เจ็บ หมอบอกว่าจะเริ่มเจ็บอาทิตย์นี้แหละ ระหว่างวันก็บริหารปากและคอไป หมอจีนบอกว่าจะช่วยกระตุ้นไม่ให้ต่อมน้ำลายแห้ง โดยรวมๆยังกินได้ถ้าไม่มวนท้อง แต่เรื่องท้องผูกนี่รุนแรงจริงๆ วันนี้ดื่มน้ำได้ครบ 2.5 ลิตรเป็นวันแรก


Saturday, January 14, 2023

NPC ตอนที่ 14 ฉายแสงวันที่สอง

วันนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปฉายแสง กิจกรรมวันนี้คือการทำความสะอาดห้องนอน อาการที่เริ่มมาคือเจ็บกล้ามเนื้อที่ขากรรไกรและปากเริ่มแห้ง ต้องเตือนตัวเองเสมอว่าสิ่งที่ต้องห้ามลืมทำคือบริหารปากและคอ กับเรื่องแปรงฟันให้สะอาด ช่วงนี้อาจจะพยายามละเว้นอาหารหวานเกิดแปรงฟันไม่สะอาดจะฟันผุตามซอกได้

เมื่อวานนี้ไปฉายแสงครั้งที่สอง ทางห้องฉายนัดเวลาคร่าวๆคือ 17:00 จึงออกจากบ้าน 15:00 ไปถึงหน้ารพ.รามา ตอน16.10ลองเสี่ยงเลี้ยวเข้าไปที่จอดรถพนักงานที่อาคารมูลนิธิ ซึ่งจากข้อมูลที่เตรียมตัวไว้ จุดนี้จะเปิดให้ผู้ป่วยเข้าได้ตอน 16:30 หลังจากพนักงาน รพ. กลับบ้านแล้ว แต่ไหนๆก้อมาเวลาใกล้เคียงลองเลี้ยวเข้าไป ปรากฏว่าเข้าได้ส่วนที่จอดยังไม่ว่างซะทีเดียวเพราะพนักงานเลิกงาน 16:00 กำลังทะยอยกลับ

พอจอดรถได้จึงไปรอที่หน้าห้องฉาย คนมารอเยอะกว่าจะได้ทำเวลาประมาณ17:40 รอบนี้ใช้เวลาทำทั้งหมดประมาณ10นาที ส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการจัดท่าทาง เมื่อจัดท่าเสร็จนักรังสีจะถ่ายภาพ1รอบ น่าจะเพื่อยืนยันตำแหน่ง จากนั้นถึงจะฉายจริง ตอนฉายจริงเครื่องฉายหมุน3รอบจากขวาไปซ้าย360องศา จากนั้นหมุนกลับจากซ้ายไปขวาและมีรอบสุดท้ายจากขวาไปซ้ายอีก1รอบ

ถ้าได้ฉายเวลาประมาณนี้ทุกวันจะทำให้กลับบ้านทันกินข้าว1ทุ่มซึ่งจะทำให้นอนทัน3ทุ่ม

Thursday, January 12, 2023

NPC ตอนที่ 13 ฉายแสงวันแรก

 วันนี้เป็นการนัดฉายแสงวันแรก ทาง รพ. นัดเร็วกว่าวันอื่นๆ 1 ชม. เพื่อเตรียมการในรายละเอียด ขับรถไปถึง รพ. ราวๆบ่าย 3 ยื่นบัตรแล้วรอทำแผนคำนวณการฉาย นั่งรอสักพักพยาบาลแจ้งว่าจะต้องไปฉายแสงอีกตึก ทาง รพ. มีเครื่องฉายหลายแบบคุณหมอจะเป็นคนเลือกว่าจะให้ใช้เครื่องไหน พอเดินไปถึงตึกฉายแสงชั้นใต้ดิน ที่นั่นจะมีเครื่องฉายสองห้องเครื่องแรกเป็นเครื่อง TrueBeam1 ส่วนอีกเครื่องเป็น ClinacIX (Rapid Arc) คุณหมอเลือกเครื่องห้องฉายแรกให้เป็นเครื่อง TrueBeam หลังจากยื่นแฟ้มประวัติ นั่งรออึดใจเดียวได้เรียกเข้าห้องฉาย ก่อนเข้าให้เปลี่ยนรองเท้า แล้วไปถอดก่อนขึ้นเครื่องฉาย

ขึ้นนอนบนเตียงฉาย นักรังสีจะมาจัดท่าให้ตรงกับเส้นที่ขีดไว้ หลังจากนั้นจะเอาหน้ากากมากดยึดไว้ จัดไหล่ให้ชนกับขอบหน้ากาก เวลาหน้ากาก กดลงไปจะแน่นมาก หายใจลำบาก วิธีที่จะช่วยให้หายใจคล่องขึ้นคือยกหน้าอกเล็กน้อยแต่ไม่ต้องยกหน้า พยายามนอนนิ่งๆ วันนี้วันแรกนักรังสีจะถ่ายภาพ 2 มิติ ส่งให้คุณหมอดูเพื่อยืนยันตำแหน่งอีกรอบ ช่วงนี้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หลังจากสรุปตำแหน่งชัดเจนแล้วเครื่องจะหมุนและฉายแสงโดยหมุนจากขวาไปซ้าย 360 องศา 1 รอบ จากนั้นจะหมุนกลับอีก 1 รอบ เป็นอันเสร็จ ช่วงนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที รวมเวลาทั้งหมดไม่เกิน 20 นาที ลงจากเตียงยังไม่มีอาการอะไร ขับรถกลับบ้านได้ปกติตารางการฉายจะต้องฉายทุกวันจันทร์ถึงศุกร์หยุดเสาร์อาทิตย์ ทุกวันพฤหัสจะเป็นวันพบแพทย์ให้กลับมาที่ห้องตรวจ ส่วนวันอื่นๆไปที่ห้องฉายหย่อนบัตรแล้วรอฉายได้เลย

วันนี้จะต้องเริ่มล้างจมูกเพื่อป้องกันโพรงไซนัสอักเสบอันเนื่องมาจากผู้ป่วย RT คือคนที่ได้รับการรักษาแบบ Radio Therapy มีโอกาสที่จะเป็นไซนัสอักเสบในระยะยาว การล้างจมูกเยอะๆมีข้อบ่งชี้ว่าช่วยลดการเกิดการอักเสบได้


ข้อมูลเพิ่มเติม

http://radiology.md.chula.ac.th/?page_id=388


https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/rapid-arc


https://www.chulacancer.net/services-list-page.php?id=476

Saturday, January 7, 2023

NPC ตอนที่ 12 ไปหาหมอจีนเตรียมตัวฉายแสง

 ไปหา พจ ตามกำหนด พจ สอบถามอาการและลองจับแมะ พจ บอกว่าร่างกายน่าจะพร้อมสำหรับฉายแสงแล้ว รอบนี้จะเปลี่ยนยาให้เป็นยากระตุ้นไขกระดูกเพื่อรองรับคีโมไปด้วยเลยเพราะตอนให้คีโมค่าเม็ดเลือดจะต่ำลง นอกจากนี้จะเพิ่มยาเหล่งเอี๊ยงให้กินเฉพาะวันที่ฉายแสงเพื่อปรับสมดุลและป้องกันเรื่องความร้อน ราคาเหล่งเอี๊ยงค่อนข้างแพงห่อละ 500 บาท ให้หยุดวันที่ใส่ยาคีโม แปลว่าในหนึ่งอาทิตย์จะกินแค่ จันทร์+อังคาร และ พฤหัส+ศุกร์ ตกอาทิตย์ละ 1000 บาท

การต้มยาเหล่งเอี๊ยงคือให้ใส่ยาลงหมอ ใส่น้ำ5ลิตรต้มจนเหลือ2ลิตร แบ่งเป็นสองขวด ใช้จิบแทนน้ำตลอดวัน ตอนแรกวางแผนจะต้องกินก่อนไปฉายแสง 1 วัน แต่จริงฉายแสงตอนเย็นถ้าต้มเช้าแล้วดื่มระหว่างวัน น่าจะพอดีกับการไปฉายแสงตอนเย็น วิธีนี้จะจัดการเรื่องการต้มยาได้ง่ายกว่าการกินล่วงหน้า




สมุนไพรจีนปรับสมดุล เหล่งเอี๊ยง

เหล่งเอี๊ยง 羚羊 Ling Yang



Thursday, January 5, 2023

NPC ตอนที่ 11 เตรียมแผนบริหารกล้ามเนื้อคอและขากรรไกร

 สิ่งที่คุณหมอสามท่านย้ำตรงกันหมดคือเรื่องการบริหารกล้มเนื้อคอกับขากรรไกร วันนี้มาทำแผนบริหารให้เป็นขั้นตอนชัดเจนพร้อมทำบันทึกตารางเผื่อไว้ ช่วงที่ฉายแสงเกิดไม่มีความสามารถวางแผนจะได้ให้คนอื่นช่วยทำตามแผนได้ง่ายขึ้น หลักการคือทำให้กล้ามเนื้อยืดมากที่สุด เพื่อป้องกันมิให้เนื้อเยื่อ พังผืดมายึด โดยมีชุดกล้ามเนื้อที่ต้องบริหารทั้งหมดสองจุดคือ คอและขากรรไกร 

บริหารกล้ามเนื้อปาก 

  • ท่าที่ 1 ตั้งคอให้ตรงอ้าปากให้กว้างที่สุด และหุบปาก ทำซ้ำๆ ประมาณ 20 ครั้ง วันละหลายๆครั้ง ควรทำบ่อยๆ และทุกครั้งที่นึกได้
  • ท่าที่ 2 อมท่อนพลาสติก หรือจุกไม้ก๊อกที่สะอาด ครั้งละ 1 นาที อย่างน้อยวันละ 5 ครั้ง ท่อนพลาสติก หรือจุกไม้ก๊อกควรมีขนาดใหญ่ๆ ให้อ้าปากกว้างได้เต็มที่ และควรเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


บริหารบริเวณลำคอ 

  • ท่าที่ 1 หันหน้าไปทางซ้ายสุด และค่อยๆ หันไปขวาจนสุด ทำซ้ำๆ ประมาณ 20 ครั้ง วันละหลายๆครั้งควรทำบ่อยๆ และทุกครั้งที่นึกได้
  • ท่าที่ 2 ก้มศีรษะจนคางชิดอกแล้วค่อยๆ แหงนศีรษะจนสุดทำช้าๆ ซ้ำๆ หลายครั้ง 
  • ท่าที่ 3 หมุนศีรษะไปทางซ้าย 3 รอบ และขวา 3 รอบ สลับกันไปวันละหลายๆ ครั้ง





Tuesday, January 3, 2023

NPC ตอนที่ 10 หาหมอ ENT, พิมพ์ฟัน กับทำหน้ากากฉายแสง

วันนี้ตอนเช้ามาหาหมอENT หรือหู คอ จมูกได้ข้อมูลใหม่อีกเรื่องคือคนที่ฉายรังสีมีแนวโน้มที่จะเป็นไซนัสอักเสบบ่อยๆ หมอแนะนำให้ล้างจมูกไปตลอดชีวิต ในช่วงระหว่างฉายแสงจะให้ล้างจมูกวันละ500ซีซี โดยแบ่งเป็นเช้า250และเย็น250 แบ่งข้างละ125ซ้ายขวา นอกจากนั้นยังมีคำแนะนำว่าโครงการวิจัยพบว่าถ้าพ่นยาไปด้วยระหว่างฉายแสงจะช่วยลดโอกาสเกิดการอักเสบลงได้ ยาพ่นจะเป็นพวก avamys ซึ่งจริงๆเคยใช้อยู่ตอนที่เฝ้าระวังอาการเมื่อ4เดือนก่อน แต่ได้แบบนี้อย่างน้อยหมอจะคอยติดตามอาการอย่างละเอียดสำหรับคนใช้ยาพ่น คุณหมอนัดอีกที่ 31 มค

หลังจากนั้นข้ามมาหาหมอฟัน หมอฟันบอกว่าแผลหลุมฟันเริ่มดีแล้ว ตื้นพอที่จะฉายแสงได้แล้ว รูที่ทะลุก็ปิดสนิทแล้ว รวมเวลา 2 อาทิตย์นิดๆก็ปิดได้ตรงกับข้อมูลที่เคยหาไว้ จากนั้นคุณหมอทำการพิมพ์ฟันเพื่อสร้างถาดรองฟันสำหรับเคลือบฟลูโอไรด์ คุณหมอนัดอีกที 20 มค เพื่อมาดูอาการและผลข้างเคียงจากการฉายแสงพร้อมสอนวิธีใช้ถาดเคลือบ

เย็นมารอที่ห้องรังสีรังษา มีทั้งหมด 3 กิจกรรมต้องทำที่จุดนี้คือ ทำหน้ากากฉายแสง ทำ CT-Sim และพบคุณหมอฉายแสง 

เริ่มจากการทำหน้ากากฉายแสงจะมีเจ้าหน้าที่รังสีมาพาไปเข้าห้องทำหน้ากาก ในห้องจะมีเตียงสำหรับวัดระยะและจัดความสมมาตรของร่างกายโดยใช้แสงเลเซอร์สีเขียวเป็นตัววัด เมื่อจัดตัวให้ตรงดีแล้วจะเอาแผ่นพลาสติกที่ซื้อไว้วันก่อนมาอบให้ร้อน แผ่นพลาสติกจะเป็นตาข่ายแข็ง พออบให้ร้อนจะนิ่มตัวแล้วเอามากดเข้ากับหัวและไหล่ที่จัดระยะไว้ แผ่นพลาสติกจะเข้ารูปกับหน้าแน่นมาก พอพลาสติกเย็นตัวจะแน่นและกดหัวทั้งหัวไม่ให้ขยับได้ จุดประสงค์ของหน้ากากนี้คือทุกครั้งที่เข้าเครื่องฉายรังสีหน้ากากจะยึดหน้าให้ตรงตำแหน่งเดิมเสมอ ทำให้เครื่องสามารถยิงรังสีได้ที่จุดเดิมไม่คลาดเคลื่อน หลังจากหน้ากากเย็นตัว จนท จะถอดหน้ากากออกแล้วเอาปากกามาขีดที่ตัวกลางหน้าอก แขนสองข้าง และข้างคออีกสองจุด เส้นขีดนี้จะเอาให้กำหนดตำแหน่งสำหรับใส่หน้าการในคราวต่อไปให้ได้ใกล้เคียงตำแหน่งเดิมมากที่สุด

จากนั้น จนท พาไปห้องทำ CT Simulation พอไปถึงก็ใช้หน้ากากที่เพิ่งทำเมื่อกี้นี้มาสวมเข้ากับเตียงยึด ตรงนี้จะเป็นการทำ CT พร้อมหน้ากากเพื่อกำหนดองศาของเนื้อเยื่อในหัว หลังจากที่ถูกยึดกับหน้ากากไว้ ผลของภาพ 3 มิติที่ได้ คุณหมอจะเอาไปกำหนดแผนการรักษาและองศาการยิง จนท บอกว่าวันนี้จะนอนท่าไหนเอาให้สบายที่สุดเพราะถ้าทำภาพ simulation ไปแล้วเกิดนอนเบี้ยววันจริงต้องนอนให้เบี้ยวเหมือนวันที่ simulation




เก็บภาพ CT เสร็จก็มารอพบคุณหมอ 

  • คุณหมอแจ้งผลว่าภาพ CT ตรงกับ MRI แผนการรักษายังเหมือนเดิม
  • ให้คอยทำตามคำแนะนำของหมอฟัน
  • มาเริ่มฉายวันที่ 12 มค ตามแผนเดิม
  • การฉายแสงไม่ได้ทำให้เพลีย แต่ส่วนมาเพลียเพราะกินได้นอนลง
  • คุณหมอบอกว่า PET/CT เอาไว้ติดตามการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง สำหรับเคสนี้การกระจายตัวยังไม่เยอะ การทำ MRI จะเห็นได้ชัดกว่า CT จะเห็นภาพเบลอๆ
  • คีโมจะเริ่ม 18 มค แต่ 17 มค ต้องมาตรวจเลือดก่อน