30 มค. วันนี้อาการพะอืดพะอมยังมีอยู่ แต่ไม่มวนท้องแสบท้องเหมือนคราวที่แล้ว ความอยากกินอาหารลดน้อยลง พลังการจินตนาการรสชาติเริ่มถดถอย กินอะไรก็ไม่อร่อย เช้ากินโจ้กได้แต่กินหมูไม่ได้เลย เที่ยงกิยข้าวต้มได้ครึ่งเดียว เย็นกินข้าวไข่เจียว รับรู้ได้แค่ไข่สากๆกินแล้วขนลุกจริงๆ น้ำหนักเช้าวันนี้คือ 56.5กก.
กินน้อยพลังงานน้อย เจอยาแก้แพ้เข้าไป ทำให้นอนเกือบทั้งวัน นอนทั้งที่ไม่ได้อยากนอน แต่นอนเพราะไม่อยากขยับตัว
31 มค. น้ำหนักเช้าวันนี้คือ 56.0กก. วันนี้มาหาหมอENT หมอให้เข้ารวมงานวิจัยวันนี้ต้องอดอาหารเช้าเพื่อไปเก็บลมหายใจสำหรับงานวิจัยจมูกเทียมของหมอ เช้านี้กว่าจะได้กินอาหารเช้าปาเข้าไป10โมง หาอาหารที่กินสะดวกคือขนมปังปลาทูน่าจาก 7-11 แต่กินไปเหมือนเคี้ยวกระดาษสากๆกับเคี้ยวสำลี ด้วยความที่ปากแห้งมากยิ่งเคี้ยวยิ่งฝืด เวลากลืนแทบจะสำลักทันที พอ 10:30 ได้เข้าพอหมอ คุณหมอส่องก้อนเนื้อดูผ่านทางปากเห็นว่าเริ่มยุบลงแล้ว วันนี้ให้ยาพ่นจมูกมา3ขวดจากโครงการวิจัย ป้ายข้างขวดเขียน Placebo ไม่รู้มียาจริงๆหรือเป็นแค่ยาหลอก หมอถามว่าปากแห้งไหมให้ยากระตุ้นต่อมน้ำลาย SalaGEN มากินเพิ่ม หมอบอกว่าช่วยเรื่องน้ำลายแห้งอย่างเห็นได้ชัด และบอกเพิ่มอีกว่าที่คอเจ็บจะเจ็บระบมขึ้นไปอีกตอนใกล้ๆจะจบคอร์ส
อาหารเที่ยงเกิดซ่า อยากกินผัดไท ตอนสั่งมากินดีใจฮ่าฮ่า วันนี้จะกินให้ดู กินจริงๆไปได้ครึ่งจานแสบปากมาก คือมันไม่รู้รสเผ็ดเลย แต่กินไปเรื่อยๆปากแสบเหงื่อไหล นั่งซี้ดปากโอดโอยไป สุดท้ายกินไม่หมด จบอาหารเที่ยงขับรถกลับบ้านก่อนรอบนึง สักบ่ายสามค่อยขับออกไปฉายแสง วันนี้เป็นครั้งที่ 14 แล้วเกือบครึ่งทางแล้ว เอ้าฮึ้บ!!
ตอนเย็นความอยากอาหารเริ่มมาแล้ว ฝันว่าอยากกินนี่นั่นโน่น แต่เอาจริงๆกินไม่อร่อยสักอย่าง ใช้จินตนาการนึกเอาว่ารสเป็นแบบไหนพอฝืนๆกินได้บ้าง ยังดีที่ปากยังไม่เป็นแผลเยอะ คาดว่าคงได้ยาจีนช่วยไว้ อาหารเย็นวันนี้กินต้มจืดตั่งโอ๋กับไข่น้ำครึ่งชาม กินกับไก่จ้อไปได้ 1 ชิ้น
1 กพ. เวลากินอะไรไม่รับรู้รสชาติมันรู้สึกเลี่ยนๆพะอืดพะอมกินได้ยากจริงๆ แต่ยังไงก็ต้องกินเพื่อทำน้ำหนัก แถมต้องดื่มน้ำเยอะๆเพื่อรักษาไตไว้อีก กระเพาะไม่มีช่องว่างสำหรับใส่ทั้งอาหารและน้ำพร้อมๆกันจริงๆ ชีวิตติดคอนอีกแล้ว
เช้านี้น้ำหนัก 55.7กก ลดลงจากเมื่อวาน เหตุเพราะเมื่อวานกินได้น้อยแหม่ไปตะลอน รพ สองรอบ เช้าบ่าย แถมกินไปจิ๊ดเดียว จึงต้องพยายามกินให้เยอะๆ เช้ามาเติมนมไป1แก้ว สายๆกินโจ้กหมูไข่1ชาม วันนี้กินได้หมดชามแล้ว เที่ยงกินข้าวคลุกกะปิ เย็นกินข้าวกับปลาสลิด สรุปว่าใน 7วันจะมีแพทเทินแบบนี้ คีโมวันศุกร์ จากนั้นเสาร์+อาทิตย์จะง่วงนอนเพราะยา จันทร์+อังคาร จะท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนเป็นโรคกระเพาะ พุธ+พฤหัสเริ่มกินได้ปกติ พอศุกร์ต้องไปให้คีโมอีกแล้ว มีเวลาปั้นค่าเลือดแค่ 2-3วันเอง
ค่าเลือดวันนี้ยังคงต่ำกว่าเกณฑ์แต่น่าจะผ่านคีโม ศุกร์นี้คงโดนอีกแน่นวล
2 กพ. ฉายแสงไปแล้ว15ครั้ง เยื่อบุในช่องปากเริ่มพอง เวลาเคี้ยวข้าวต้องระวังกัดปากตัวเองให้มากๆ กินข้าวแบบมีสติ เวลานอนไม่สามารถนอนราบได้เพราะจะเจ็บคอตอนกลืนน้ำลาย ใช้วิธีนอนเอนประมาณไม่ให้เมื่อยหลัง ก่อนนอนต้องถูฟัน แปรงลิ้น ขัดฟัน ล้างจมูก เคลือบฟัน พ่นยา เป็นกิจวัตรที่คาดว่าต้องทำไปตลอดชีวิตหลังจากรักษาหายแล้ว
เช้านี้ฝุ่นเยอะ ต้องใส่หน้ากากในห้องทำงานที่บ้านไว้ ตอนเช้าได้เกาเหลาลูกชิ้นหมูมาจากตลาด แม่บ้านเอามาต้มใหม่เพื่อฆ่าเชื้อก่อนกินข้าว รสชาติเหมือนเดิมคือไม่มีรส กินเพราะต้องกินให้ค่าเลือดผ่านเกณฑ์ เที่ยงกินบะหมี่เกี้ยวแห้งกับไข่ขาวน้ำ รีบทำเวลานิดนึงเพราะวันนี้ต้องออกจากบ้านเที่ยง เพื่อไปหาหมอทั้งหมดสามท่าน
เริ่มจากแพทย์จีน
- เล่าสรุปอาการให้ พจ ฟังว่าอาการทั่วไปปกติดี ปากเริ่มมีแผลแต่มีข้อสังเกตว่าแผลจะหายเร็ว2-3วัน
- แผลที่เกิดไม่เจ็บมาก ไม่เหมือนตอนเป็นร้อนในอันนั้นแผลจะบานและลึก
- การขับถ่ายปกติดี
- การรับประทานอาหารยังปกติดี
- พจ บอกว่าโดยรวมๆถือว่าน่าพอใจ จะพยายามรักษาระดับนี้ไปจนจบ
- จะเพิ่มความเข้มของยาให้อีกนิดนึง
- อย่าลืมบริหารปากและคอ
- อย่าลืมกินไข่ขาว5ฟอง ปั้นค่าเลือด
จากนั้นมาหาหมอฉายแสง
- เริ่มมีแผลในปากและคอมากขึ้น หมอจะให้ยาขี้ผึ้งมาทา
- ยาขี้ผึ้งเป็นสเตียรอยด์ ดังนั้นถ้าหายแล้วให้หยุดใช้และอย่าใช้เกิน3วัน
- เวลาทาให้ทาพื้นที่เล็กเฉพาะจุดที่เป็นอย่าละเลงกว้างๆ เพื่อป้องกันเชื้อราในปาก
- ยาบ้วนปากไอโอดีนให้ใช้ไปยาวๆ
- ยากระตุ้นน้ำลายอาจมีผลข้างเคียง เช่นเหงื่อออก ความดันต่ำ
แล้วรีบไปหาหมอคีโม
- ค่าเลือดผ่าน น้ำหนักติดขอบล่างแต่ยังผ่าน
- อาทิตย์หน้า ถ้าน้ำหนักลงต่อจะพิจารณาใส่สายจมูก ดังนั้นไปกินมาเยอะๆ
- ไม่มีอาการแสบท้องแล้ว อาการเบื่ออาหารคือปกติ ต้องฝืนกินต่อไป
- ท้องผูกจะเกิดซ้ำ ให้กินยาถ่ายไว้เหมือนเดิม
เสร็จแล้วต้องกลับมาห้องฉายแสงอีกรอบเป็นอันจบกระบวนการสำหรับวันนี้ วันนี้ตกคิวรอบตัวเองต้องไปรอต่อคิวสุดท้ายกว่าตะได้ฉาย 20:30 กลับถึงบ้านเวลา 21:20 เหนื่อยโฮก
3 กพ. ครึ่งทางแล้วนะเหลืออีกแค่ครึ่งทาง เวลาผ่านไปเร็วมาก “ ไม่มีทุกข์ใดอยู่นานถาวร ไม่มีสุขใดอยู่กับเราได้ตลอด”
ออกจากบ้าน 08:00 รถติดนิดหน่อยมาถึง รพ 09:15 ทำเรื่อง IPD เสรจไปกินข้าวก่อน แล้วมานั่งรอได้เข้าห้องยาตอน 12:15 เหตุการณ์เริ่มวนซ้ำๆด้วยความชินแล้ว คอเจ็บ ปากแห้งยังคงต้วเท่าเดิม ต้องเน้นเรื่องกินให้เยอะๆ
4 กพ. ผมร่วงแล้ว ผมร่วงแล้ว จัดการตัดให้สั้นไปเลยละกัน แผลที่คอเริ่มใหญ่ขึ้น เป็นแผลร้อนในแต่อยู่ข้างทอนซิลทั้งสองข้างเลย วันก่อนเป็นจุดนิดเดียววันนี้ยาวเพิ่มเป็นเส้น เริ่มใช้ยาจีนเป่าคอ ยาช่วยให้เย็นรักษาแผลได้อย่างช้าๆ เช้ากินข้าวต้มธัญพืชแปลกที่สามารถรู้รสหวานของอาหารทั้งที่ไม่รับรู้รสน้ำตาลเลย กินไข่ดาวน้ำไป1ฟอง จากวันนี้จะเปลี่ยนแผนจากการกินไข่ขาว5ฟอง มาเป็นกินไข่ทั้งฟองรวมไข่แดงวันละ3ฟอง ที่กินแต่ไข่ขาวเพราะกลัวแคลอรี่เกิน แต่ช่วงนี้เหมือนน้ำหนักจะมีแววไปทางต่ำลงทุกวัน จำเป็นต้องหาพลังงานเสริม ปัญหาที่กลัวไขมันค่อยไปแก้หลังจบการรักษาเอาละกัน เที่ยงแวะมาซีคอนทำธุระ สั่งฮาจิบังต้มยำมากิน เผ็ดมากสงสัยเจ็บที่ปากเป็นแผลอยู่ คราวหน้าต้องระวังกินแต่ของจืด การที่ลิ้นไม่รู้รสทำให้ร่างกายป้องกันตัวเองไม่ได้เลย ตอนกินไม่รู้ว่าเผ็ดมารู้อีกที่คือแสบระบบไปหมดแล้ว
5 กพ. เบื่ออาหารมาตามนัดเป๊ะ เช้ากินนมไป10ช้อน กะว่าจะไปกินบะหมี่เพิ่มแต่สรุปว่ากินไม่ได้ต้องกลับมากินนมอีก10ช้อนแทน วันนี้ปรับตารางชีวิตใหม่ ต้องพยายามไม่นอนราบแม้ว่าจะง่วงแค่ไหน เผื่อว่าอาการเหมือนกรดไหลย้อนจะไม่เป็น เที่ยงกินโจ้กได้หมดชาม ชั่งน้ำหนักบ่ายได้57.6กิโล ถือว่ายังอยู่ในความควบคุมได้ แต่อาการกระอักกระอ่วนนี่เป็นหนักจริงๆ พรุ่งนี้คงดีขึ้นมั้ง















