Saturday, December 31, 2022

NPC ตอนที่ 9 วางแผนการเดินทาง ระหว่างฉายแสง

การไปฉายแสงที่รามาแม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลแค่ประมาณ13กิโล แต่เป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงานสูงเพราะต้องเดินเยอะ ลองคิดเผื่อว่าในช่วงฉายแสงซึ่งเป็นช่วงที่ต้องรักษาพลังงานเพื่อคุมน้ำหนักประกอบกับน่าจะกินได้น้อยยิ่งต้องวางแผนการใช้พลังงานให้ดีหน่อย

การเดินปกติคือใช้BTSมาลงที่อนุสาวรีย์ชัยแล้วต่อสาย8ไปลงหน้า รพ. ถ้าจะขับรถมาเองที่รามาในช่วงเวลากลางวันสามารถจอดรถได้ที่นางเลิ้งแล้วจะมีรถรับส่งมารับช่วงอีกที แต่ค้นข้อมูลเจอว่าถ้าหลัง16:30สามารถเอารถมาจอดได้ที่อาคารศูนย์วิจัยกับอาคารมูลนิธิซึ่งในเคสฉายแสงจะทำตอนคลินิกนอกเวลาที่ประมาณ17:30 ดังนั้นทางเลือกคือขับรถมาให้ช้าหน่อย น่าจะเป็นแพลนที่ดีที่สุดตอนนี้

อีกวิธีคือถ้ามาเวลาประมาณ 15:00 อาจจะลองขับไปที่อาคารพระเทพ โดยปกติจะเริ่มว่างตอน 16:00 แต่ถ้าโชคดีอาจจะได้ที่จอดก่อน


ทาง รพ. จัดรถรับส่งระหว่างอาคารจอดรถนางเลิ้งไว้ให้ด้วย มีรอบรถดังนี้



Wednesday, December 28, 2022

NPC ตอนที่ 8 น้ำหนักคงที่ กับบันทึกสูตรการกิน

เนื่องจากทำการทดลองกินอาหารเหลว เพื่อดูว่าร่างกายรับได้แค่ไหน น้ำหนักขึ้นหรือลงแค่ไหน ในตอนนี้จะมาสรุปการทดลองอย่างคร่าวๆ เพื่อกำหนดเป็นตารางการกินไว้ล่วงหน้า

รอบแรก น้ำหนักตัวเปล่า ชั่งตอนเช้า ได้ 55.4  กิโล กินอาหารเหลว 8 ช้อนต่อแก้ว 3 มื้อ เสริมโปรตีนถั่วอีก 3 ช้อน กินได้ 2-3 วัน น้ำหนักหายไป 1 กิโล เหลือ 54.5 กิโล ตัวแปรสำคัญคือในช่วงนั้น ออกจากบ้านทุกวัน เดินวันละ 8000 step คำนวณคร่าวๆ ensure 1 ช้อนจะได้พลังงาน 38 แคล ถ้ากินวันละ 24 ช้อนจะได้ 920 แคล แต่คนปกติที่ต้องใช้แรงเดิน หรือทำกิจกรรมนอกบ้าน คิดอัตรา 20 ก้าว ต่อ 1 แคล คิดกลมๆ น่าจะใช้พลังงานวันละ 400 แคล ไม่รวมกิจกรรมอื่นๆ ดังนั้น 24 ช้อนไม่น่าจะพอ


รอบสอง เริ่มต้นด้วยน้ำหนัก 54.5 กิโล กินอาหารปกติให้ได้ 3 มื้อ กิน ensure เสริม 6 ช้อน อีกวันละ 2มื้อ เสริมโปรตีนถั่วอีก 3 ช้อน ผ่านไป 6 วัน น้ำหนักอยู่ที่ 56.5 ไปจน 57.5 อยู่ที่ว่าวันไหนทำกิจกรรมอะไรบ้าง คำนวณคร่าวๆ อาหาร 3 มื้อกินแบบข้าวน้อย ผักเยอะ น่าจะอยู่ที่ 400แคล รวม 1 วันได้ 1200 แคล ensure อีก 12 ช้อน ได้ราวๆ 450 แคล คิดกลมๆ แล้วได้ 1600 แคล สามารถทำน้ำหนักได้ราวๆ 0.5 กิโลต่อวัน หรือถ้าคิดย้อนกลับว่าจะต้องกิน ensure ล้วนๆให้ได้ วันละ 1500 แคล หรือราวๆ 40 ช้อนต่อวัน น้ำหนักถึงจะไม่ลด


ensure หนึ่งกระป๋อง ทดลองชั่งตวงแล้ว วัดได้ 88 ช้อน ระยะเวลารักษา 50 วัน แปลว่า ต้องมี ensure สำรองประมาณ 25 กระป๋องเลย


เรื่องการกินต้องแยกเป็นสองประเด็นคือแคลอรี่กับโปรตีนที่คำนวณไปคือหาปริมาณแคลอรี่ที่ต้องการต่อวัน ต่อไปจะต้องหาว่าหลังจากกิน ensure ไปแล้วต้องกิน isolate proteins อีกเท่าไหร่ 

  • เริ่มจาก ensure 6ช้อนได้โปรตีน 8กรัม ถ้ากิน40ช้อนจะได้โปรตีนราว50กรัม
  • คนปกติน้ำหนักตัว60กิโลกรัมต้องการโปรตีน 60กรัม
  • ถ้าอยู่ในช่วงฟื้นตัวอาจคิดว่าต้องการ1.5เท่าของ น้ำหนักตัวนั่นคือ90กรัม
  • แปลว่ายังขาดโปรตีนอีก40กรัม ต่อวัน
  • ไข่ขาวล้วน1ฟองมีโปรตีน4กรัม แปลว่าต้องเสริมไข่ขาวราวๆ 10ฟอง
  • หรือจะใช้ โปรตีนผงขนาด1ช้อนได้โปรตีน9กรัม กินให้ได้4ช้อน




ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2/

  • ไข่ไก่ทั้งฟอง 1ฟอง มีโปรตีน 7กรัม แต่ถ้าต้องการจำกัดปริมาณไขมันและแคลอรี่ จะกินเฉพาะไข่ขาว
  • ไข่ขาว1ฟองมีโปรตีน 4กรัม 


https://smile4mareng.wordpress.com/2010/11/

มีวิธีชงอาหารผงผสมไข่ขาว ตอนที่พี่บั๊มกินมาฝากค่ะ

  1. วิธีชง ชงนมผงประมาณ 7 ช้อนที่เค้าให้มา ใส่น้ำร้อน แก้วที่ใช้เป็นแก้วน้ำทรงสูงค่ะ 
  2. คนนานๆให้ละลาย ไม่จับเป็นก้อน ก็พักไว้ก่อน 
  3. ต้มน้ำเดือดใส่หม้อต่างหาก แยกไข่ขาว 1-2 ฟองแล้วแต่ ดูตามความเข้มข้นนะคะ ลอง 1 ฟองก่อนก็ได้  พอน้ำเดือดจัดก็เทไข่ขาวแล้วก็คนๆ ให้แตกๆหน่อยค่ะ   พอสุกก็ปิดแกส   
  4. เอาเครื่องปั่นมา เทนมแก้วที่ชงไว้ กับตักไข่ขาวสุกใส่ลงไป แล้วก็ปั่น 

สำหรับถ้าต้องทำเป็นอาหารเหลวให้ทางสายยาง ต้องดูความเข้มข้นให้ได้ตามคำแนะนำหมอด้วยนะคะ ถ้าข้นเกินก็เติมน้ำร้อนเพิ่มแล้วก็ปั่นให้เข้ากันค่ะ


https://smile4mareng.wordpress.com/2016/02/

จากหนังสือเล่มนี้ เราเชื่อเรื่องการเลือกทาน เราสองคนก็เลยหันมาทานอาหารตามแนวคิดหลักๆดังนี้

  • งดเนื้อสัตว์ และโปรตีนจากสัตว์เช่น ไข่ นม
  •  กินผักผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น บล็อคโคลี่ แครอท ผักใบเขียว ผักพื้นบ้านไทยๆ(ปลอดสารพิษ)
  • ทานข้าวกล้อง + เพิ่มโปรตีนจากพืชด้วยการผสมควินัวไปในข้าวกล้องด้วย (ควินัวเป็นพืชที่ให้โปรตีนสูงมาก)
  • ปรุงอาหารด้วยเกลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใส่เครื่องปรุงธรรมชาติได้เช่น บีบมะนาว พริก โรยพริกไทยดำ
  • ไม่ใช้เครื่องปรุงอื่นๆเลยเช่นพวกซอส น้ำปลา น้ำตาล
  • ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ  งดเครื่องดื่มอื่นๆ เช่นชา กาแฟ น้ำหวานต่างๆ (เพราะเลิกกินหวานเด็ดขาด)
  • น้ำตาลที่ร่างกายต้องการได้จากการกินผลไม้ต่างๆแทน และน้ำผึ้ง



Friday, December 23, 2022

NPC ตอนที่ 7 ตัดไหม & หมอจีน

ครบ7วันแล้ว  ไปตัดไหมเย็บเหงือกที่ รพ. รามา หมอดูอาการแล้ว ไม่มีอาการเหงือกฉ่ำ ไม่กลิ่นเหม็น ไม่มีบวม ไม่เจ็บ จัดการตัดไหมให้ ใช้เวลา 2 นาทีเสร็จ แจ้งคุณหมอว่าเหงือกด้านขวาบนยังมีน้ำทะลักเข้าโพรงจมูก คุณจัดการเอาไฟส่องดูให้ บอกว่ารูที่ทะลุเล็กลงแล้ว รออีกสักอาทิตย์ น่าจะดีขึ้น ยังคงไม่ให้เป่า และไม่ให้ดูด ต่อไปอีกสักระยะ

คำว่า ไม่ให้เป่า ไม่ให้ดูด ไม่รู้ว่ารวมถึงอะไรบ้าง แต่สองวันก่อนเผลอไปดูดน้ำมะพร้าวปั่น ตรงที่น้ำมะพร้าวละลายก็ดูดง่ายดีไม่ทันรู้สึกอะไร พอน้ำเหลวๆหมดต้องใช้แรงดูดน้ำแข็งปั่น จังหวะนั้นแหละเจ็บจี๊ดที่รูเหงือก เข้าใจคำว่าห้ามเป่าห้ามดูดในทันที ความจริงคือกิจกรรมอะไรก้อตามที่สร้างให้แรงดันระหว่างช่องปากกับโพรงไซนัสไม่เท่ากัน แรงดันจะพุ่งผ่านเนื้อเยื่อบางๆที่อยู่รอบรูเหงือก ทำให้เจ็บหรือมีการฉีกขาดของเนื่อเยื่อใหม่ เลยเป็นที่มาว่า อย่าดูด อย่าเป่า นัดครั้งหน้าคือวันที่ 3 มีค. รอบนั้นนัดมาพิมพ์ฟันยางสำหรับใส่ ฟลูออไรต์

จากนั้น ออกจาก รพ.รามา มุ่งหน้าไป รพ.หัวเฉียวแพทย์จีน หรือ ที่มีตัวย่อว่า TCM

  • แพทย์จีน(พจ.) ท่านนี้เชี่ยวชาญเรื่องการบรรเทาความเจ็บปวดจากการรักษามะเร็งด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน เช่นลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและการฉายแสง
  • พอไปถึงก็เล่าประวัติการดำเนินโรค พร้อมเอาเอกสาร การทำ CT การทำ Biopsy การทำ MRI ให้ พจ. อ่านและจดเพื่อลำดับความเข้าใจ
  • สิ่งแรกที่ พจ. บอกคือการรักษาด้วยการฉายแสงจะต้องบริหารร่างกายและทำกายภาพตามที่แพทย์รามาสั่งอย่าเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดพังผืดเกาะ เพราะถ้าเกิดพังผืดแล้วจะแก้ไขยากมาก เหตุผลคือเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณคอและปากโดนรังสีจะเกิดการความเสียหายและหดตัวลง จากนั้นจะมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่ยังไม่ค่อยยืดหยุ่นขึ้นมา ดังนั้นต้องทำกายภาพยืดกล้ามเนื้ออย่างเคร่งครัด
  • สิ่งถัดมาบริเวณช่องปากจะเกิดการอักเสบเพราะรังสี อันนี้ยาจีนช่วยบรรเทาได้แต่ไม่100% ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
  • สิ่งสำคัญสำหรับคนทำคีโมคือต้องทำร่างกายให้พร้อมเพื่อให้รับยาได้ตลอดจนจบคอร์ส ปัญหาหลักๆคือตัวยาคีโมจะไปกดค่าเลือดให้ต่ำ ถ้าต่ำเกินไปจะทำให้ต้องหยุดการรับยาคีโม อันนี้ยาจีนจะเข้ามาเสริมและช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพอที่จะมีค่าเลือดพร้อมรับคีโมได้จนครบ
  • จะสังเกตได้ว่ายาจีนไม่ได้เป็นยารักษาหลัก เรายังคงที่จะต้องรับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ แต่ยาจีนจะช่วยเสริมให้การรักษาสามารถบรรลุเป้าหมายและสำเร็จ
  • พจ. บอกว่าหลังคีโมเสร็จแล้ว ถ้าไม่ต้องกินยาอะไรแล้วจะมีการให้ยาจีนต้านมะเร็งเสริมไปให้กินต่อ (ยาต้านมะเร็งข้างขวดเขียนว่ายากระตุ้นภูมิ)
  • พจ. อธิบายว่าปกติร่างกายคนทั่วไปจะมีเซลล์มะเร็งกลายพันธุ์เกิดขึ้นทุกวัน แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันร่างกายค้นพบและกำจัดได้เองตามธรรมชาติ
  • พจ. อธิบายว่าความเครียดมีส่วนในการเกิดมะเร็งได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเมื่อเครียดมากๆหรือเครียดสะสม จะทำให้ภูมิค้มกันเกิดภาวะเฉื่อย อันนี้ตรงกันกับที่หมอสันต์อธิบายไว้ในแบบแผนปัจจุบันเลย
  • เรื่องอาหารถาม พจ. ว่ามีผลกับการเกิดมะเร็งไหม พจ. ตอบว่าในตำราจีนไม่ได้ระบุว่ามีผลสัมพันธ์กับมะเร็ง ซึ่งตรงกับที่รามาบอกว่ายังไม่งานวิจัยไหนระบุแน่ชัดเรื่องอาหาร แต่ในตำราจีนอาหารที่มีผลต่อยาจีนคือ ให้งด กุ้ง ปู หอย ปลาไหล และเนื้อห่าน ส่วนเนื้อสัตว์อื่นๆ กินได้ปกติ แต่ถ้าแนะนำให้กินแบบพอมีแรง แล้วกินผักผลไม้ให้ครบถ้วน
  • สมุนไพรใดๆ ที่ไม่มีแหล่งที่มา ไม่มีขนาดนำ้หนักมาตรวัด ไม่มีหมอควบคุมติดตามอาการหลังกินยา ควรหลีกเลี่ยง
  • พจ. ให้ line official มาเลยแล้วบอกว่าถ้ากินยาแล้วมีอาการไม่สบายตัวให้ติดต่อเขาได้โดยตรง เพราะคนแต่ละคนมีอาการรับรู้ต่อยาไม่เหมือนกัน
  • บอก พจ. ว่าช่วงฉายแสงหมอรามาให้กินโปรตีนเพิ่มเยอะๆ พจ. แนะนำให้กินไข่ขาวเพิ่มวันละ 5 ฟอง
  • พจ. บอกว่า NPC โดยมากจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์จากคนจีนโซนตอนใต้ งานวิจัยบอกว่าคนกลุ่มนี้มีอัตราการเป็น  NPC สูงที่สุดในโลก พอคนไทยได้เชื้อสายมา ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะเป็นในกลุ่มคนไทยได้
  • ได้ยารอบแรกมา 7 ห่อสำหรับ 7วัน เป็นยาบำรุงร่างกายซะส่วนใหญ่ มาวันนี้ถือว่าดีมาก มีเวลาบำรุงร่างกาย 2 อาทิตย์ น่าจะเพียงพอ เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้าเพื่อปรับยา
  • วิธีการต้มยาคือ เอายาใส่หม้อสแตนเลสหรือหมอเคลือบยกเว้นห้ามใช้หมออลูมีเนียม ใส่น้ำจนท่วมเปิดไฟต้มจนเดือดแล้วหรี่ไฟ ต้มต่อจนได้น้ำประมาณ200-300ซีซี เทยาออกแล้วเติมน้ำใหม่ ทำซ้ำอีกรอบ เอายาสองรอบมาผสมกันแล้วแบ่งครึ่งไว้กินสองมื้อ

คหสต.

การแพทย์แผนจีนที่เจอในวันนี้ต่างจากในความคิดไปเยอะมาก ที่คิดไว้คือจะเป็นการรักษาแบบในหนัง จะห้ามโน่นห้ามนี่ แต่ในความเป็นจริงคือ พจ. อ่านผล CT และ MRI คล่องปรื๋อ เล่าการรักษาของรามาตรงเป๊ะพร้อมบอกผลกระทบที่จะเกิดและเสนอวิธีการป้องกันหรือลดผลกระทบได้แบบมีระบบ สรุปคือรู้สึกเป็นวันดีดีวันหนึ่ง



ข้อมูลเพิ่มเติม


Wednesday, December 21, 2022

NPC ตอนที่ 6 ห้าวันกับการกินอาหารเหลวทางการแพทย์

เมื่อวานออกจากบ้านไป รพ. แต่เช้า ก่อนออกจากบ้าน กินเอนชัวร์ 4 ช้อน + เวย์โปรตีน 3 ช้อน ชั่งน้ำหนักก่อนไปได้ 55.0 ไปถึง รพ. ชั่งได้ 56.0 รวมชุดแล้ว คุณพยาบาลทักว่า น้ำหนักลดลงเร็วไปนะ อาทิตย์ก่อนยังวัดได้ 57.5 รวมชุด แปลว่าหายไป 1.5 กิโล ใน 1อาทิตย์ จริงๆ ก้อคาดหวังว่าน่าจะลดเพราะทดลองกินแต่อาหารเหลว แต่ไม่นึกว่าจะลดเร็วเกินไปขนาดนี้ ไม่ได้การละ กลับบ้านต้องเริ่มคิดแผนการกินอาหารใหม่


กลับถึงบ้านเที่ยง นาฬิการบอกว่าเดินไป 8000 สเดป หิวโครก รีบจัดการกินเอนชัวร์ไป 8 ช้อน บ่ายสามเริ่มหิวอีกแล้ว กินเพิ่มไปอีก 8 ช้อน ตอนหกโมงเย็น กินเพิ่มไปอีก 8 ช้อน ดูจากตารางการกินแล้ว กินได้วันละ 28 ช้อน + เวย์โปรตีน 3 ช้อนต่อวัน


เช้าวันนี้ชั่งน้ำหนัก ได้ 54.5 กิโล น้ำหนักยังคงลงต่อเนื่อง วันนี้คงต้องเริ่มกินอาหารบ้างแล้ว น้ำหนักลดลงมากไปแล้ว แม้ยังเจ็บเหงือกแต่คงต้องค่อยๆเคี้ยว แพลนวันนี้คือกินอาหารปกติให้ได้ 3 มื้อ พร้อมกินเอนชัวร์อีก 28ช้อน+เวย์อีก 3ช้อน ทดลองกินสัก 3 วัน แล้วจะลองมาชั่งน้ำหนักใหม่ว่าจะเอาขึ้นทันก่อนวันทำหน้ากากไหม


มื้อเช้ากินต้มเลือดหมูกับข้าวกล้อง เนื่องจากฟันที่ถอนคือ 4 มุมปาก ทำให้เลือกแก้มข้างที่จะเคี้ยวฟันได้ลำบาก สรุปว่าเลือกเอาข้างที่เพดานไม่รั่วคือข้างซ้ายละกัน กินครั้งแรกยังไม่ชิน ทำให้ฟันชนกันดังกึกๆ ต้องหัดเคี้ยวใหม่ เคี้ยวให้ช้าลง เคี้ยวเอียงทางด้านหน้า ถ้าเผลอตักคำใหญ่เป็นก้อนกลมๆ อาหารที่เข้าปากจะไปดันกับไหมเย็บแล้วขูด ทำให้เจ็บเหงือก แต่ที่แน่ๆ ข้อผักบุ้ง เคี้ยวไม่ได้แหะ


มื้อเที่ยงกินข้าวไข่เจียวกับต้มจืด เริ่มรู้ทางแล้วว่าต้องเคี้ยวอย่างไรเริ่มกินได้เร็วขึ้น รอบนี้ใช้เวลาไป 25นาที ถ้ายังเผลอเรื่องตักคำใหญ่ สงสัยรอบหน้าต้องกินด้วยช้อนชา แทนช้อนข้าว เวลาเคี้ยว ช้าๆ ทำให้รับรู้ว่าน้ำลายคนเรานี้ออกมาเยอะมากตอนเคี้ยวข้าว มันทำให้ข้าวนุ่มเร็ว เคี้ยวง่าย แบบนี้วันที่น้ำลายแห้งคงต้องมาหัดเคี้ยว หัดกินใหม่อีกรอบ ไม่เป็นไรเราเรียนรู้ใหม่ได้เสมอ


วันนี้เพดานที่รั่วเริ่มไม่รั่วแล้ว สังเกตุได้เวลาอมน้ำ น้ำจะไม่พุ่งออกจมูก แต่จะมีอาการเสียวที่รูเหงือกแทน เหมือนว่ารูเริ่มมีเนื้อเยื่อใหม่ๆงอกขึ้น เอาว่าตอนอมน้ำต้องระวังไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด ไม่งั้นเรื่องยาว


ข้อมูลเพิ่มเติม

นอกจากอาหารเหลวแล้วยังมีอาหารเยลลี่อีกด้วย เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับเดือนหน้า

http://www.dent-in-found.org/newdesign/research/detail?p=7





Monday, December 19, 2022

NPC ตอนที่ 5 สองวันกับการกินอาหารเหลวทางการแพทย์

เนื่องจากเพดานเหงือกทะลุการกินอาหารปกติจะทำให้บ้วนปากได้ลำบาก ไม่สามารถอมน้ำหรือกลั้วปากอย่างแรงๆได้ จึงได้ไอเดียว่าเรามาทดลองกินอาหารเหลวทางการแพทย์สักระยะไปเลยดีกว่า จะได้บันทึกการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวไปด้วยเลย

  • ก่อนเริ่มกินชั่งน้ำหนักได้ 55.4 กิโล เริ่มกินมื้อเที่ยง 6 ช้อนต่อแก้ว มื้อเย็น 6 ช้อนต่อแก้ว เช้ามาชั่งน้ำหนักเหลือ 55.0 กิโล
  • วันที่สองปรับจำนวนการกินใหม่เป็น 8 ช้อนต่อแก้ว 3 แก้วต่อวัน มื้อเย็นกินเวย์โปรตีน 1 สคูป เช้ามาชั่งน้ำหนักได้ 55.0 กิโล เท่าเดิม

คิดว่าสูตรการกินนี้น่าจะพอใช้ได้ ต้องลองมอนิเตอร์ดูต่อให้ครบ 7 วันเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เตรียมตัวไว้สำหรับเดือนหน้า ในวันที่ปากเจ็บจนกินอาหารเคี้ยวไม่ได้


หมายเหตุ

เวลากินนมไม่ให้โดนเพดานเหงือด้านขวาที่ทะลุ ต้องใช้ลิ้นสร้างเป็นห้องโดยการแตะที่หลังฟันหน้า สำหรับบรรจุน้ำแล้วค่อยดันให้กลืนลงไป เวลาล้างฟันใช้การอมๆ แล้วคายน้ำ ห้ามบีบปากเพื่อบ้วน เพราะลองแล้วน้ำบ้วนปากจะทะลุไปที่จมูก

Saturday, December 17, 2022

NPC ตอนที่ 4 หัดแปรงฟันใหม่

ชีวิตวันแรกของการมีฟัน 24ซี่ พร้อมกับเพดานเหงือกทะลุ ทำให้การกินอาหารปกติ แทบจะสำลักตลอด จึงเปลี่ยนมากินนมเอนชัวร์ 8ช้อน 3เวลาแทนการกินข้าวปกติ และหัดใช้ลิ้นช่วยกลืน หลังอาหารต้องแปรงฟันทุกครั้ง เพราะบ้วนปากแบบปกติไม่ได้ น้ำจะพุ่งผ่านรูทะลุออกทางจมูก รูที่เปิดต้องรอให้เหงือกรักษาตัวเองและคาดว่าจะปิดได้ภายใน2อาทิตย์

การแปรงฟันบ่อยมากๆ อาจทำให้ฟันสึกโดยเฉพาะเมื่อวันก่อนที่เจอหมอฟัน หมอบอกว่าแปรงฟันแรงไป ทำให้คอฟันสึก การเรียนรู้วิธีแปรงฟันที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นในเวลานี้

https://dt.mahidol.ac.th/th/brochure-20190305-4/

แปรงฟันที่ถูกต้องคือการใช้แรงน้อย (เทคนิคส่วนตัวคือแปรงให้เบาจนไม่ได้ยินเสียงหัวแปรง) แต่ใช้เวลาแปรงนาน แปรงขัดที่ละซี่ในแนวขวาง 10-15ครั้งแล้วค่อยปัดลงเอาเศษอาหารออกจากร่องฟัน การขัดเบาๆแต่นานๆ จะเหมือนการขัดเงาโลหะที่ให้ผิวฟันสะอาดแต่ไม่ทำให้เหงือกร่นและไม่ทำให้คอฟันสึก 


ส่วนการใช้ไหมขัดฟัน คุณหมอบอกว่าให้ค่อยๆใส่ตามร่องฟัน พอเข้าไปในร่องแล้วให้เอาไหมโอบฟัน จากนั้นขัดซ้ายขวาก่อน ถึงจะขัดขึ้นลง อ้าวแล้วที่ทำมาตลอดคือถูขึ้นถูลงคือผิดอีกแล้วสิ

!! แปรงฟันผิดมาชั่วชีวิตนี่เอง !!


ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ช่วงเวลาว่างเอาเอกสารมานั่งอ่าน เพิ่งเข้าในว่าเขาเรียกฟันในปากเป็นหมายเลขฟันหน้าสุดคือหมายเลข 1 แล้วนับเข้าในจนเจอฟันกรามในสุดจะเป็นหมายเลข 8 ที่โดนถอนเมื่อวานคือ #17,#27,#37,#47 แปลว่าโดนฟันลำดับที่ 7 ทั้งหมด 4 ด้าน
  • ฟันคุดซี่ 8 เอาออกไปตั้งแต่เด็กๆทั้งหมดแล้ว ทำให้ตอนนี้เหลือฟัน แค่ข้างละ 6 * 4 = 24ซี่
  • ส่วนรูปข้างล่าง เพื่อนเอาน้ำยาตัวนี้ให้ดู เผื่อไว้ตอนที่น้ำลายแห้ง อาจจะช่วยได้ เก็บไว้ก่อนเป็นข้อมูล





Friday, December 16, 2022

NPC ตอนที่ 3 สัปดาห์แห่งการเตรียมตัวเพื่อฉายแสง

หลังจากที่เจอคุณหมอหูคอจมูกคราวก่อนและให้ไปเตรียมร่างการเพื่อฉายแสง ช่วงนี้ก็เป็นอาทิตย์แห่งการเตรียมตัว

8 ธค. นัดพบหมอฟันครั้งแรก คุณหมอแจ้งว่า ผลกระทบจากการฉายรังสีผ่านช่องปากดีดังนี้

  • รังสีจะทำลายเนื้อเยื่อรอบช่องคอ ทำให้ต่อมน้ำลายฟ่อ และเส้นเลือดใต้ขากรรไกรลีบ
  • อาหารที่กินจะต้องเป็นอาหารอ่อนที่มีส่วนผสมของเหลว ไม่สามารถกินอาหารแห้งได้ง่าย
  • เมื่อกินอาหารเสร็จ ร่างกายจะไม่มีน้ำลายไปทำความสะอาด ดังนั้นต้องแปรงฟัน ทำความสะอาดทันที จึงควรพกแปรงสีฟันกับตัวตลอดเวลาเพื่อทำความสะอาดทันที
  • กล้ามเนื้อขากรรไกรในบริเวณที่โดนแสง จะมีพังพืดมาเกาะ ทำให้จะอ้าปากได้ไม่สุดเหมือนเก่า และจะต้องทำกายภาพไปตลอดช่วงการรักษา
  • ต้องพกกระติกน้ำเพื่อจิบน้ำตลอดเวลาทดแทนน้ำลายที่แห้งไป
  • ต้องพกแปรงและยาสีฟัน เพื่อล้างปากทุกครั้งหลังกินอาหารใด เนื่องจากไม่มีน้ำลายมาช่วยล้างตามธรรมชาติ 
  • ต้องพิมพ์ฟันและทำบล้อคยางเพื่อเคลือบฟลูออไรด์ที่ฟันก่อนนอนทุกวันช่วย เนื่องจากไม่มีน้ำลายป้องกันฟันผุตามธรรมชาติ
  • ถ้าฟันโยกหรือผุ จะไม่สามารถรักษาด้วยการถอนได้ เพราะการถอนจะมีความเสี่ยงกระดูกเน่าอันเนื่องมาจากเส้นเลือดและเนื้อเยื่อไม่สมานแผล อันเป็นผลจากรังสี ทำให้ เสี่ยงต่อการตัดขากรรไกรที่เน่า
  • การลดความเสี่ยงคือถอนฟันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ลงให้น้อยเพื่อดูและง่ายขึ้น
  • ฟันซี่ในสุดจะโดนรังสีมากสุด ดังนั้นให้เลือกว่าจะเก็บฟัน ซี่  17,27,37,47 ไว้หรือจะถอนออก 
  • ถ้าหากเลือกที่จะเก็บไว้จะต้องดูแลรักษาให้ดีไปตลอดชีวิต 


9 ธค. นัดMRI ที่ รพ.เอกชน ข้างนอก เนื่องจากคิวที่ รามา เร็วสุดคือเดือน มีค. ซึ่งช้าเกินไป เราจึงไปทำกับ รพ.เอกชนข้างนอก แล้วค่อยเอาผลมาเข้าระบบที่รามาอีกที ข้อดีคือเร็ว โทรจองปุ้บได้คิวปั๊บ ข้อเสียคือความละเอียดในการทำ ไม่ตรงกับที่หมอรามาอยากได้ 100% ถึงแม้จะเป็น การ MRI naso-pharynx แต่ทางหมอรามาอยากเห็นการต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอลงมาด้วย



13 ธค. พบหมอฉายแสงครั้งแรก คุณหมอได้ดูภาพ MRI แล้วบอกว่า เนื้องอกเล็กๆ (ที่เมื่อ 4 เดือนก่อน CT แจ้งว่า เป็นซีสต์ 0.4 cm) ผ่านไป 4 เดือนการเป็นเนื้องอกชัดเจน พร้อมกับลามไปต่อมน้ำเหลือง ด้านซ้ายและด้านขวา ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองโต มีขนาด 0.6 cm  จากนั้นคุณหมอได้อธิบายแผนการรักษาว่า

  • ต้องทำ CT อีกครั้งตอนทำ Simulation เพื่อกำหนดจุดฉายแสง 
  • ต้องฉายแสง 33 ครั้ง จ-ศ ตีกลมๆคือ 7 สัปดาห์ ค่าใช้จ่ายเฉพาะฉายแสง ไม่รวมค่าปรึกษาแพทย์ ไม่รวมคีโม ไม่รวม CT ไม่รวม MRI คือ 325,000 บาท คิดกลมๆ ฉายแสงครั้งละ 10,000 บาท
  • เนื่องจากมีการลามไปต่อมน้ำเหลือง จึงจำเป็นต้องให้ คีโมเสริมการทำงานของรังสี จึงนัดคุณหมอคีโมเพื่อให้ไปปรึกษาแผนรักษาเพิ่มเติม
  • ต่อมน้ำลายเป็นเซลล์ที่ไวต่อรังสีมาก เมื่อมีรักษามากระทบจะทำให้เซลล์หยุดทำงาน้อยลงจนถึงงั้นหยุดการทำงาน 
  • อาการปากแห้ง น้ำลายเหนียวข้นจะพบได้มากเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง ควรจิบน้ำเป็นระยะเพื่อบรรเทาอาการขาดน้ำ 
  • ความโชคดีคือ ขนาดของเนื้องอกมีขนาดเล็ก คุณหมอคิดว่าสามารถฉายแสงหลบต่อมน้ำลายได้ อาจจะมีผลกระทบในระยะสั้น 6เดือน แต่ในระยะยาวต่อมน้ำลายที่กกหูน่าจะทำงานได้ 80%
  • คอและช่องปากจะมีการอักเสบเยอะ เป็นแผลพุพอง ทำให้กินอาหารได้ลำบาก ถ้าน้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 1 กิโลต่อสัปดาห์ คุณหมอจะใส่สายอาหารทางจมูก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การฉายแสงดำเนินได้ครบ 33 ครั้ง
  • กล้ามเนื้อขากรรไกรจะมีพังพืดเกาะ ต้องมีการบริหารขากรรไกรเพื่อให้ไปปากอ้าไม่ได้ไปตลอด
  • ระหว่างการฉายแสงที่ตัวจะมีรอยปากกาสำหรับ mark จุดหลังทำ simulation ห้ามลบออก ตัวหมึกกันน้ำแต่ไม่กันสบู่ ดังนั้นอาบน้ำได้แต่ให้หลบเลี่ยงการฟอกลงบนรอยกำหนดจุดฉายแสง
  • ถ้าหากผิวหนังแสบพองจะมียาให้ทา ไม่ต้องไปหามาทาเอง 
  • จากนั้นให้ไปซื้อหน้ากาก เพื่อเอาไว้ล็อดหัวไม่ให้กระดิกได้ในช่วงฉายแสง
  • สิ่งสำคัญที่สุดในช่วงระหว่างฉายแสงคือกาคุมน้ำหนัก เนื่องจากการทำหน้ากากจะปั้มจากหน้าของเราในวันทำนัด ดังนั้นถ้าร่างกายอ้วนขึ้น น้ำหนักขึ้น จะทำให้ใส่หน้ากากไม่ได้ แต่ถ้าน้ำหนักลงจะมีผลให้ค่าเลือดเม็ดเลือดขาวตก ภูมิจะต่ำ จะทำการฉายแสงต่อไม่ได้อีกเช่นกัน 
  • ผมจะไม่ร่วงทั้งหัว แต่จะร่วงแค่ท้ายทอย
  • ลิ้นจะไม่รับรู้รสเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่จะกลับมาปกติหลังหยุดฉายแสง 4-6 เดือน


14 ธค. x-ray, ultrasound เพื่อดูการกระจายของมะเร็งไปที่ปอดกับตับหรือไม่


15 ธค. พบหมอคีโมครั้งแรก

  • การให้คีโมเป็นการเสริมให้การฉายแสงได้ผลดีขึ้น
  • ตัวยาคีโมจะถูกขับทางไต ดังนั้นต้องกินน้ำเยอะๆ ให้ได้มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน มิฉะนั้น หากพบไตวาย จำเป็นต้องหยุดการให้คีโม
  • เรื่องการคุมน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าหากกินอาหารเองไม่ได้ และน้ำหนักลดจะต้องถูกใส่สายอาหารทางจมูก จนกว่าจะจบการรักษา 95% ของคนที่มารับการรักษาไม่สามารถกินเองได้เนื่องจาก ช่องปากอักเสบ
  • หลักเกณท์เบื้องต้นสำหรับการใส่สายอาหารทางจมูกคือ หากน้ำหนักลดลงมากกว่า 1 กิโลต่อสัปดาห์หรือช่องปากมีอาการอักเสบมาก แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจ 
  • สามารถออกกำลังได้ แต่ต้องไม่ฝืน การออกกำลังจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว เช่นถ้าเคยวิ่งได้วันละ 5 กม. ในช่วงคีโมถ้าวิ่งได้วันละ 1 กม. ถือว่าพอใช้ได้
  • คีโมในแผนการรักษา จะให้ครั้งละ 6 ชม. เช้าให้เสร็จ  เย็นไปฉายแสง สูงสุดไม่น่าจะเกิน 7 ครั้ง ขึ้นการผลการรักษาในแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายไม่รวมค่าปรึกษาแพทย์ ประเมินคร่าวๆ ครั้งละ 3000-4000 บาทขึ้นอยู่กับสูตรยาที่ใช้
  • ต้องตรวจค่าเลือดก่อนสั่งยาทุกครั้ง จะไม่มีการสั่งยาล่วงหน้า ทั้งนี้เพื่อสามารถปรับสูตรยาให้เข้ากับสภาพร่างกาย 
  • ร่างกายจะมีการลดลงของเม็ดเลือดขาวอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นให้หลีกเลี่ยงไปในที่อาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเช่นที่แออัดเป็นต้น 

 

16 ธค. พบหมอฟันครั้งที่สอง

  • จากครั้งที่แล้วคุณหมอให้เลือกว่าจะเก็บฟันไว้แล้วดูแลอย่างดีไปตลอดชีวิต จริงๆเอาแค่ดีพอที่จะไม่ต้องถอน ส่วนเรื่องผุเล็กน้อยพอซ่อมได้
  • หลังจากไปคิดและตัดสินใจ เลือกที่จะถอน ออกทั้ง 4 ซี่ เราเชื่อว่าในช่วงอายุ 40-60 คนเราน่าจะยังสามารถดูแลได้ แต่หลังจากช่วงนั้นไม่มีความมั่นใจว่าจะดูแลไหวหรือไม่ ดังนั้นถ้าจะเสี่ยง เสี่ยงถอนวันนี้ ย่อมดีกว่าไปถอนในวันหน้าและต้องไปเสี่ยงเรื่องกระดูกขากรรไกรตาย
  • ว่าแล้ว ก็ให้คุณหมอจัดการถอนฟัน 4 ซี่
  • ฟันที่ถอน ก็ถอนยากสุดๆ คุณหมอทั้งกรอ ทั้งโยก ผู้ช่วยกดหน้าเข้ากับเก้าอี้ เอาคางกดเข้ากับหน้าอก กว่าจะหลุดออกมาแต่ละซี่ เหนื่อยทั้งคนไข้ เหนื่อยทั้งคุณหมอกลับบ้านด้วยอาการหน้าบวม คางบวม รีบเอา cool pad ประคบตั้งแต่บ่ายโมงไปจนถึงหกโมงเย็น กินยาแก้ปวดกันไปสองรอบ ตื่นเช้ามาไม่มีอากาบวมแล้ว ฟันที่เจ็บก็เป็นการเจ็บจากแผลเย็บ ไม่ใช่ปวดจากตัวเหงือกเอง ถือว่าผ่านไปได้ดี
  • มีซี่บนข้างขวารากยาวมาก พอถอน ออกมาเจอว่าเป็นรูทะลุไปที่โพรงไซนัส
  • อาการของโพรงไซนัสทะลุคือกินน้ำแล้วรั่ว กินน้ำแล้วสำลัก หาอ่านข้อมูลพบว่าส่วนใหญ่ถ้าถอนฟันกรามบนซี่ใน ที่รากยาวๆ มักจะเจออาการนี้กันทุกคน สิ่งที่ทำได้คือฝึกกินน้ำใหม่ โดนใช้ลิ้นดันน้ำเข้าคนแทนการใช้ปากอมเข้าคอ เพราะถ้าอมแล้วบีบปากให้ลงคอ น้ำจะพุ่งทะลุโพรงไซนัสออกมาทางจมูก
  • อาการทะลุนี้ต้องรอให้เนื้อเยื่อที่เหงือกสร้างตัวเองมาปิด โดยคนปกติจะใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ทำให้มานั่งคิดว่าถ้าไม่ถอนแล้วเก็บเอาไว้จนวันนึงเกิดต้องถอนฟันซี่นี้ หลังฉายแสงเหงือกจะไม่สมานแผลแล้วจะเป็นอย่างไร


ตัวอย่างรากฟันที่ยาวทะลุโพรงไซนัส ถ้าถอนออกจะเป็นรูทะลุ


#แล้วมันจะผ่านไป 



Tuesday, December 6, 2022

NPC ตอนที่ 2 การพบเจอมะเร็งหลังโพรงจมูก

การ follow up โดยการส่องกล้องเข้าไปดูผนังเนื้อเยื่อในโพรงจมูก

ผ่านไป 1 เดือน .. 2 เดือน .. 3 เดือน ไม่เจออะไรผนังดูเรียบสะอาด

เดือนที่ 4 เจอตุ่มนูนที่ตรงกับตำแหน่งต่อมน้ำเหลือง คุณหมอทำการตัดชิ้นเนื้อทันที เพื่อส่งตรวจ ผลตรวจรอบแรกเป็นเนื้องอก ไม่ผิดจากที่สงสัย ต้องส่งย้อมสีรอบที่ 2 


2 ธค. ผลย้อมสีสรุปว่าเป็น NPC - Naso Pharynx Carcinoma หรือมะเร็งหลังโพรงจมูก ถือว่าเป็นข่าวดีกว่าครั้งแรกที่ผลเป็น SNUC 

  • เนื่องจาก SNUC เป็นโรคที่มีอัตราการเกิด 2 คนใน 10 ล้านคน ทำให้ยังไม่สามารถมีแผนการรักษาที่ได้ผลดี จากสถิติยังไม่มีใครอยู่รอดเกิน 5 ปีได้
  • ต่างจาก NPC ที่อัตราการพบใน ผู้ชายอยู่ที่ 450 ต่อ 10 ล้านคน และผู้หญิงอีก 150 ต่อ 10 ล้านคน ทำให้มี protocol ในการรักษาที่เยอะกว่า



6 ธค. ทำการย้ายประวัติการรักษาเพื่อส่งตัวเข้า โรงเรียนแพทย์ เราเลือกรามา คุณหมอหูคอจมูก ทำการนัดคุณหมอฉายแสงกับทันตแพทย์ให้ บอกว่านัดครั้งถัดไปคือวันที่ 3 มค. ช่วงนี้ไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย

การเตรียมตัวที่ต้องทำคือ

  • นัดทำแผนการรักษา / จองคิวห้องฉายแสง / จองคีโม
  • ทำ MRI เพื่อระบุจุดเกิดเหตุ
  • นัดหมอฟันเพื่อเช็คสภาพฟัน
  • ทำ x-ray ปอด
  • ทำ ultrasound ตับ