ครบ7วันแล้ว ไปตัดไหมเย็บเหงือกที่ รพ. รามา หมอดูอาการแล้ว ไม่มีอาการเหงือกฉ่ำ ไม่กลิ่นเหม็น ไม่มีบวม ไม่เจ็บ จัดการตัดไหมให้ ใช้เวลา 2 นาทีเสร็จ แจ้งคุณหมอว่าเหงือกด้านขวาบนยังมีน้ำทะลักเข้าโพรงจมูก คุณจัดการเอาไฟส่องดูให้ บอกว่ารูที่ทะลุเล็กลงแล้ว รออีกสักอาทิตย์ น่าจะดีขึ้น ยังคงไม่ให้เป่า และไม่ให้ดูด ต่อไปอีกสักระยะ
คำว่า ไม่ให้เป่า ไม่ให้ดูด ไม่รู้ว่ารวมถึงอะไรบ้าง แต่สองวันก่อนเผลอไปดูดน้ำมะพร้าวปั่น ตรงที่น้ำมะพร้าวละลายก็ดูดง่ายดีไม่ทันรู้สึกอะไร พอน้ำเหลวๆหมดต้องใช้แรงดูดน้ำแข็งปั่น จังหวะนั้นแหละเจ็บจี๊ดที่รูเหงือก เข้าใจคำว่าห้ามเป่าห้ามดูดในทันที ความจริงคือกิจกรรมอะไรก้อตามที่สร้างให้แรงดันระหว่างช่องปากกับโพรงไซนัสไม่เท่ากัน แรงดันจะพุ่งผ่านเนื้อเยื่อบางๆที่อยู่รอบรูเหงือก ทำให้เจ็บหรือมีการฉีกขาดของเนื่อเยื่อใหม่ เลยเป็นที่มาว่า อย่าดูด อย่าเป่า นัดครั้งหน้าคือวันที่ 3 มีค. รอบนั้นนัดมาพิมพ์ฟันยางสำหรับใส่ ฟลูออไรต์
จากนั้น ออกจาก รพ.รามา มุ่งหน้าไป รพ.หัวเฉียวแพทย์จีน หรือ ที่มีตัวย่อว่า TCM
- แพทย์จีน(พจ.) ท่านนี้เชี่ยวชาญเรื่องการบรรเทาความเจ็บปวดจากการรักษามะเร็งด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน เช่นลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและการฉายแสง
- พอไปถึงก็เล่าประวัติการดำเนินโรค พร้อมเอาเอกสาร การทำ CT การทำ Biopsy การทำ MRI ให้ พจ. อ่านและจดเพื่อลำดับความเข้าใจ
- สิ่งแรกที่ พจ. บอกคือการรักษาด้วยการฉายแสงจะต้องบริหารร่างกายและทำกายภาพตามที่แพทย์รามาสั่งอย่าเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดพังผืดเกาะ เพราะถ้าเกิดพังผืดแล้วจะแก้ไขยากมาก เหตุผลคือเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณคอและปากโดนรังสีจะเกิดการความเสียหายและหดตัวลง จากนั้นจะมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่ยังไม่ค่อยยืดหยุ่นขึ้นมา ดังนั้นต้องทำกายภาพยืดกล้ามเนื้ออย่างเคร่งครัด
- สิ่งถัดมาบริเวณช่องปากจะเกิดการอักเสบเพราะรังสี อันนี้ยาจีนช่วยบรรเทาได้แต่ไม่100% ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
- สิ่งสำคัญสำหรับคนทำคีโมคือต้องทำร่างกายให้พร้อมเพื่อให้รับยาได้ตลอดจนจบคอร์ส ปัญหาหลักๆคือตัวยาคีโมจะไปกดค่าเลือดให้ต่ำ ถ้าต่ำเกินไปจะทำให้ต้องหยุดการรับยาคีโม อันนี้ยาจีนจะเข้ามาเสริมและช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพอที่จะมีค่าเลือดพร้อมรับคีโมได้จนครบ
- จะสังเกตได้ว่ายาจีนไม่ได้เป็นยารักษาหลัก เรายังคงที่จะต้องรับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ แต่ยาจีนจะช่วยเสริมให้การรักษาสามารถบรรลุเป้าหมายและสำเร็จ
- พจ. บอกว่าหลังคีโมเสร็จแล้ว ถ้าไม่ต้องกินยาอะไรแล้วจะมีการให้ยาจีนต้านมะเร็งเสริมไปให้กินต่อ (ยาต้านมะเร็งข้างขวดเขียนว่ายากระตุ้นภูมิ)
- พจ. อธิบายว่าปกติร่างกายคนทั่วไปจะมีเซลล์มะเร็งกลายพันธุ์เกิดขึ้นทุกวัน แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันร่างกายค้นพบและกำจัดได้เองตามธรรมชาติ
- พจ. อธิบายว่าความเครียดมีส่วนในการเกิดมะเร็งได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเมื่อเครียดมากๆหรือเครียดสะสม จะทำให้ภูมิค้มกันเกิดภาวะเฉื่อย อันนี้ตรงกันกับที่หมอสันต์อธิบายไว้ในแบบแผนปัจจุบันเลย
- เรื่องอาหารถาม พจ. ว่ามีผลกับการเกิดมะเร็งไหม พจ. ตอบว่าในตำราจีนไม่ได้ระบุว่ามีผลสัมพันธ์กับมะเร็ง ซึ่งตรงกับที่รามาบอกว่ายังไม่งานวิจัยไหนระบุแน่ชัดเรื่องอาหาร แต่ในตำราจีนอาหารที่มีผลต่อยาจีนคือ ให้งด กุ้ง ปู หอย ปลาไหล และเนื้อห่าน ส่วนเนื้อสัตว์อื่นๆ กินได้ปกติ แต่ถ้าแนะนำให้กินแบบพอมีแรง แล้วกินผักผลไม้ให้ครบถ้วน
- สมุนไพรใดๆ ที่ไม่มีแหล่งที่มา ไม่มีขนาดนำ้หนักมาตรวัด ไม่มีหมอควบคุมติดตามอาการหลังกินยา ควรหลีกเลี่ยง
- พจ. ให้ line official มาเลยแล้วบอกว่าถ้ากินยาแล้วมีอาการไม่สบายตัวให้ติดต่อเขาได้โดยตรง เพราะคนแต่ละคนมีอาการรับรู้ต่อยาไม่เหมือนกัน
- บอก พจ. ว่าช่วงฉายแสงหมอรามาให้กินโปรตีนเพิ่มเยอะๆ พจ. แนะนำให้กินไข่ขาวเพิ่มวันละ 5 ฟอง
- พจ. บอกว่า NPC โดยมากจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์จากคนจีนโซนตอนใต้ งานวิจัยบอกว่าคนกลุ่มนี้มีอัตราการเป็น NPC สูงที่สุดในโลก พอคนไทยได้เชื้อสายมา ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะเป็นในกลุ่มคนไทยได้
- ได้ยารอบแรกมา 7 ห่อสำหรับ 7วัน เป็นยาบำรุงร่างกายซะส่วนใหญ่ มาวันนี้ถือว่าดีมาก มีเวลาบำรุงร่างกาย 2 อาทิตย์ น่าจะเพียงพอ เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้าเพื่อปรับยา
- วิธีการต้มยาคือ เอายาใส่หม้อสแตนเลสหรือหมอเคลือบยกเว้นห้ามใช้หมออลูมีเนียม ใส่น้ำจนท่วมเปิดไฟต้มจนเดือดแล้วหรี่ไฟ ต้มต่อจนได้น้ำประมาณ200-300ซีซี เทยาออกแล้วเติมน้ำใหม่ ทำซ้ำอีกรอบ เอายาสองรอบมาผสมกันแล้วแบ่งครึ่งไว้กินสองมื้อ
คหสต.
การแพทย์แผนจีนที่เจอในวันนี้ต่างจากในความคิดไปเยอะมาก ที่คิดไว้คือจะเป็นการรักษาแบบในหนัง จะห้ามโน่นห้ามนี่ แต่ในความเป็นจริงคือ พจ. อ่านผล CT และ MRI คล่องปรื๋อ เล่าการรักษาของรามาตรงเป๊ะพร้อมบอกผลกระทบที่จะเกิดและเสนอวิธีการป้องกันหรือลดผลกระทบได้แบบมีระบบ สรุปคือรู้สึกเป็นวันดีดีวันหนึ่ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ภาวะปากแห้งหลังการฉายรังสีและบทบาทวิธีการรักษาของแพทย์แผนจีน
- โรคเรื้อรังทั้งหลาย แท้จริงแล้วเป็นโรคเดียว ที่มีสาเหตุเดียวกัน

No comments:
Post a Comment